สีผึ้งพยองคำครูบานันทิยะวัดผาบ่อง
ก่อนจะพูดถึงพยองคำวัดผาบ่อง ขอพูดถึงพยองคำของวัดไม้ฮุงกันสักหน่อยนึง หลายๆ คนอาจจะคุ้นชื่อของครูบาวัดไม้ฮุงบอกว่าครูบาวัดผาบ่องเลยต้องขอท้าวความการทำพยองคำของวัดไม้ฮุงให้ทราบกันก่อน โดยวิธีการทำของทั้งสองที่นั้นแตกต่างกันแค่ของวัดผาบ่องผสมพรายลงในพยองคำ
พยองคำของครูบาวัดไม้ฮุง เล่ากันว่าสีผึ้งพะยองคำที่ท่านได้สร้างขึ้นนั้นมีกรรมวิธีในการทำลึกลับพิสดารมากดังได้รับฟังเรื่องราวเล่ามุกขปาฐะจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยได้ท่านเห็นและเป็นลูกศิษย์ในองค์ท่านได้เล่าไว้ว่าสีผึ้งท่านนั้นหุงขึ้นด้วยขี้ผึ้งอาถรรพณ์และตัวยาสำคัญ 6 ชนิดที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงมากจนคิดว่าในสมัยปัจจุบันคงไม่มีใครมีความอดทนถึงเพียงนั้นเลยเชียว และว่านสำคัญชนิดต่างๆ ที่ท่านได้ปลูกไว้เป็นสวนว่านยาสำคัญชนิดต้องมีคนเฝ้าไม่ให้ใครเข้าไปกันเลยทีเดียว สีผึ้งพะยองคำท่านนั้น มีกรรมวิธีการสร้างกว่าจะสำเร็จต้องอาศัยสถานที่ถึง 3 ที่ หุงกันถึง 3 ครั้งเลย เมื่อแรกเริ่มท่านทำพิธีหุงต่อหน้าพระประธานในอุโบสถนัยว่าเป็นสถานที่ทำสังฆกรรมและเป็นสถานที่เกิดใหม่ของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจนสำเร็จหนึ่งครั้งจากนั้นนำไปหุงตรงทางสามแพร่งนัยว่าเป็นสถานที่คนมารวมกันพูดคุยหัวเราะกันเป็นสถานที่นัดพบกันถึงจนกว่าจะมีคนถามว่า"ครูบาทำอะไร" ท่านก็จะตอบว่า"ทำยาวิเศษโอสถทิพย์" ที่บันดาลให้คนที่พกพามีความร่ำรวยเป็นมหาเสน่ห์อย่างยิ่งถึงจะสำเร็จอีก 1 ครั้ง พิธีสุดท้ายที่ท่านทำพิธีคือท่านให้ลูกศิษย์ท่านสืบเสาะฟังข่าวว่ามีผู้หญิงตlยท้oงกลม ที่เป็นลูกหัวสาวผู้ชาย(ลูกคนแรกผู้ชาย)ฝั่งไว้ในป่าช้าไหนบ้างเมื่อทราบแล้ว ท่านก็จะไปทำพิธีเซ่นสรวง บัดพลี แล้วให้ลูกศิษย์ท่านขุดนำศlพผีตlยท้องกลมนั้นลุกขึ้นนั่งแล้วเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าใหม่ให้พร้อมทั้งผัดหน้าทาแป้งให้ศlพนั้นแล้วให้ลูกศิษย์ท่านผู้เป็นชายพรหมจรรย์มีหน้าตาหล่อเหลาดูดีมีอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าไปโอบกอดศlพจากข้างหลังแล้วนำขันสัมฤทธิ์ที่บรรจุสีผึ้งนั้นวางบนมือผีนั้นโดยมีมือของผู้ชายคนนั้นซ้อนอยู่อีกข้างก็ให้ถือไม้คนสีผึ้งโดยมีมือของผู้ชายนั้นซ้อนอยู่เช่นกันเมื่อเริ่มพิธีก็ให้ชายนั้นประคองมือศlพนั้นคนสีผึ้งโดยมีท่านครูบายืนบริกรรมคาถาอยู่ข้างๆ สักพักก็ให้ชายคนนั้นปล่อยมือจากศlพผี ตlยท้องกลมนั้นปล่อยให้ผีนั้นคนสีผึ้งเองอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งเมื่อผีนั้นคนสีผึ้งไปพลางก็จะยกขึ้นพลาง นัยว่าจะซดสีผึ้งนั้นซึ่งเชื่อว่าเป็นยาโอสถทิพย์สุดวิเศษซึ่งถ้าผีนั้นซดสีผึ้งนั้นได้ก็จะกลายเป็นผีดิบอัมตะยากแก่การปราบปราม เมื่อผีนั้นยกขึ้นจนใกล้ปากที่สุดก็จะแย่งเอาขันสีผึ้งจากมือถือนั้นแล้วก็สะกดให้กลับลงไปนอนในโลงอย่างเดิม เป็นอันเสร็จพิธีการสร้างสีผึ้งพะยองคำอันวิเศษสุดตามกรรมวิธีของท่านเมื่อมีคนทราบว่าท่านทำพะยองคำ ก็จะมีคนมาขอบูชาจากท่านกันเยอะแยะมากมายแต่การจะได้บูชาพะยองคำของท่านนั้นหาใช่ใครมีเงินก็จะบูชาเอาทีละเยอะๆได้เพราะท่านให้บูชาได้คนละ 1 ตลับ (ตลับเงินเล็กๆ) และให้บูชาแพงมากโดยให้บูชาตลับละ 100 บาทในสมัยที่ทองคำบาทละไม่ถึงร้อยใครมีเงินไม่ถึงร้อยบาทก็จะขอแบ่งทีละ 5 แถบ (5รูปี) บ้าง 10 บาทบ้าง โดยท่านจะนำหูเข็มเย็บผ้าปักลงไปแล้วงัดขึ้นติดขึ้นมาเท่าไหร่ก็เท่านั้นเป็นราคา 10 บาทหรือ5 รูปี และต้องนำตลับเงินหรือตลับทองคำมารับในกรณีที่มารับกับครูบาท่านโดยตรงแต่ส่วนมากจะร่วม เงินการบูชา 10 คนคนละ 10 บาทก็จะได้ 1 ตลับแล้วมาแบ่งกัน
อันครูบาวัดผาบ่องนั้น ท่านมีนามว่า เจ้าอธิการนันทิยะ นนฺทิโย ภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรนาม"พระครูนันทิยวรคุณ" ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๗ ขวบ ท่านเป็นลูกศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับครูบาวัดไม้ฮุง อยู่ร่วมสำนักเดียวกัน ณ วัดม่วยต่อ เมืองแม่ฮ่องสอน เป็นลูกศิษย์พระครูบาคำ สุวณฺโณ (บางแห่งว่าชื่อ พระครูอินตา) ซึ่งพระครูบาคำนั้นท่านเป็นชาวบ้านผาบ่องและได้ย้ายจากวัดผาบ่องเข้ามาเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วยต่อในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เมื่อท่านครูบานันทิยะได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้ว จึงได้ติดตามเข้ามาศึกษาเล่าเรียนทั้งพระปริยัติธรรม และหนังสือพม่า ล้านนา ไทยใหญ่ ตลอดจนถึงวิชาโหราศาสตร์ และการสร้างยาในด้านต่างๆ และที่ได้เล่าเรียนอย่างเจนจบนั่นก็คือ"วิชาสร้างพะยองคำ"อันลือลั่นด้วยอิทธิคุณนานัปการนั่นเอง ภายหลังท่านจึงกลับไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดผาบ่องสืบมา
สีผึ้งพะยองคำของครูบาวัดผาบ่อง เพียงพกพาแล้วขอ แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของต้องลั่นสัจจะวาจา ว่ามุ่งหมายสิ่งใด เพราะได้เพียงข้อเดียว "เงิน" หรือ "คู่" เลือกสิ่งใดจักไม่ขาดซึ่งสิ่งนั้นทั้งชีวิต ด้วยเหตุที่แค่ลั่นสัจจะแล้วได้ ไม่ได้ป้ายให้เสียของ และได้ผลเกินคาด ครับส่วนเรื่องคนเอาไปใช้แล้วเป็นยังไงบอกว่าเล่าไม่จบดีหมดทุกด้านโดยเฉพาะด้านเสน่ห์เมตตาและโภคทรัพย์
สนใจสอบถามได้ครับ
|