น้ำมันหนูกับแมวรักกันบรรจุตะกรุดทองคำจารมือตะกรุดสาริกาคู่ทองคำเงินอาจารย์ชุมไชยคีรี

น้ำมันหนูกับแมวรักกันหรือน้ำมันหนูกินนมแมวอาจารย์ชุม ไชยคีรี เมตตามหานิยมดีเยี่ยม ในบรรดาเครื่องรางทั้งหลายที่มีอยู่หลายแบบนั้น เราจะแบ่งเครื่องรางออกเป็นประเภทตามของอานุภาพเหล่านั้นๆ เช่นทางด้านแคล้วคลาด ทางคงกระพัน ทางโชคทางลาภ ทางหนุนดวงหรือ ทางเมตตามหานิยม ในส่วนของเครื่องรางต่างๆ นั้นมีลักษณะการใช้งานที่ต่างกัน บ้างจารลงแผ่นโลหะที่เราเรียกกันว่าตะกรุด บ้างสร้างเป็นรูปแบบต่างๆ โดยใช้วัตถุอาถรรพ์ต่างๆ กัน บ้างก็เป็นสีผึ้ง เป็นน้ำมันต่างๆ การใช้เครื่องรางด้านเมตตาที่สร้างด้วยน้ำมันนั้น สำนักเขาอ้อโดดเด่นในเรื่องน้ำมันนี้มาแต่โบราณ สายเขาอ้อนั้นเกจิอาจารย์แต่ละท่านที่สำเร็จมาจากสายนี้ล้วนแต่เสกน้ำมันงาให้แข็งตัวได้ทุกท่าน ถือเป็นการทดสอบพลังจิตไปในตัว อาจารย์ชุม ไชยคีรี อาจารย์ผู้สืบสายวิชาเขาอ้อมาโดยตรง อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์อย่างที่สุด ท่านเป็นอาจารย์ผู้พิสูจน์ให้ไสยศาสตร์นั้นเป็นของแจ้งชัดให้ทุกคนได้ประจักษ์กับตา และถ้าเราจะพูดถึงเครื่องรางประเภทน้ำมันเมตตามหานิยมนั้น อาจารย์ชุม ท่านคือผู้ที่ทำให้ผู้คนทั่วไปได้รู้จักกับน้ำมันหนูแมว ซึ่งอาจารย์ชุมท่านได้สร้างและเสกน้ำมันหนูแมวแล้วได้ทดลองให้เห็นจริงต่อหน้าสาธารณชน น้ำมันหนูแมวนั้นเป็นน้ำมันที่ถูกสร้างขึ้นมาจากตำราโบราณด้านเมตตามหานิยมผู้สร้างนั้นจะต้องมีจิตใจที่มีเมตตาเป็นอย่างมากเสียก่อน โดยท่านให้ใช้น้ำมันหอม เป็นหลักจากนั้นท่านจึงหุงน้ำน้ำมันนั้นด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้องตามตำรา จากนั้นจึงหาฤกษ์งามยามดีแล้วเสกน้ำมันนี้จนกว่าจะเกิดนิมิต หรือเสกไปจนกว่าน้ำมันจะเดือด จนเป็นที่พอใจจากนั้นจึงทดลองใช้โดยหลักๆ แล้วเครื่องรางทุกชนิดของอาจารย์ชุมท่านจะต้องทดลองให้เห็นกับตาเพื่อให้เกิดศรัทธา และยึดมั่นว่าของเหล่านี้เป็นจริงตามตำรามิได้กล่าวขึ้นมาลอยๆ น้ำมันหนูแมวก็เช่นกันเมื่อท่านเสกเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วท่านจะทดลองตามตำราด้วยการหาแม่แมวและลูกหนูมา และเจิมน้ำมันนี้กับแม่แมวและลูกหนู จากนั้นจึงปล่อยแม่แมวและลูกหนูไว้ในกรงเดียวกัน …ภาพที่ใจเราคิดก็คงจะไม่พ้นเรื่องที่แม่แมวตะปบลูกหนูเล่นทีละตัวหรือไม่ก็กัดกิน คาบเล่น ตามสัญชาตญาณของแมวที่มีต่อหนู แต่เหตุการณ์ในการทดลองน้ำมันนี้กลับตรงกันข้าม แม่แมวกลับนอนนิ่งรอลูกหนูมาดูดนม และดูดนมกันทุกตัว เสมือนประหนึ่งว่าเหล่าลูกหนูนั้นเป็นลูกของตัวเองทั้งที่แมวแม่ลูกอ่อนนั้นควรจะมีความดุร้ายกว่าปกติ แต่ด้วยอำนาจของน้ำมันเมตตาหนูแมวนี้จึงทำให้เกิดเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์นี้ขึ้น การทดลองนี้อาจารย์ชุมท่านเน้นให้เห็นว่าไสยศาสตร์นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้จริงตามตำราและท่านเน้นให้เกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นหลักสำคัญโดยท่านได้บันทึกการใช้น้ำมันหนูแมวไว้ในใบฝอยว่า … ก่อนใช้ต้องตั้งใจแผ่เมตตาว่าขอสัตว์ทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่มีเวรต่อกัน เป็นผู้ดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อเทอญ ขอสัตว์ทั้งสิ้นนั้น จงได้เสวยผลบุญอันข้าพเจ้าได้กระทำแล้วนี้เทอญ ……หายใจเข้านึกว่า "พุท" อธิษฐานว่า คุณพ่อจงอยู่กับลูก หายใจออกนึกว่า "โธ" อธิษฐานว่าคุณแม่ช่วยลูกด้วย และให้ภาวนาพุทโธต่อไปเรื่อยๆมิได้กำหนดว่ากี่จบ กี่คาบ เอาตามที่พอใจ ที่สำคัญท่านเน้นการวางอารมณ์ให้ทำใจของเราให้มีความรักความเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลายและเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย และให้เคารพในคุณบิดา มารดา คุณลักษณะเด่นของน้ำมันหนูแมวอาจารย์ชุมนั้น สามารถทำอาการระยะไกลได้ โดยท่านบอกไว้ในใบฝอยการใช้ว่า ………ถ้าต้องการจะให้ใครมาหาเรา หรือจะไปหาใคร หายใจออกนึกว่า "โธ" นึกถึงคนนั้น ตั้งภาพไว้ในใจเรา ส่งจิตที่เป็นความรักความเมตตา ความปรารถนาดีให้เขา และให้ภาวนา

พุทโธไปเรื่อยๆ จนจิตสงบดีแล้วจึงตั้งความปราถนา คุณแม่ช่วยลูกด้วย ตามความปรารถนาของเรา เป็นอันเสร็จสิ้น หากเราพิจารณาในใบฝอยการใช้น้ำมันที่อาจารย์ชุมท่านบอกไว้นั้นจะเห็นได้ว่าท่านมุ่งหมายให้เราภาวนา “พุทโธ” เป็นหลัก และคำภาวนาพุทโธนี้เองที่เป็นหัวใจของสมถะวิปัสสนา จากตรงนี้เราจะเห็นจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของอาจารย์ชุมที่ท่านมุ่งหวังให้เราได้เข้าถึงวิปัสสนาอันเป็นพื้นฐานของนักปฏิบัติ อาจารย์ท่านมีกุศโลบายที่แสนงดงามเพื่อให้เราเข้าถึงพระรัตนไตรโดยการนำเอาวิธีการทางไสยศาสตร์เป็นเครื่องชักจูง ถึงตรงนี้ต้องขอกราบในความมีเมตตาของท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านมอบสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ฝากไว้ให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้เข้าถึงทุกท่านครับ

สนใจสอบถามได้ครับ