พระเม็ดบัวรัศมี หลวงพ่ออ๋อย วัดไทร บางขุนเทียน กรุงเทพฯ จัดสร้างราว ปี ๒๔๙๐ เนื้อจัดจ้านมาก อีกหนึ่งพระดีสุดยอดประสบการณ์สายเหนียวเมืองกรุง แต่สนน ราคายังเบาๆ เป็นธรรมดาละคราฟ ของดีไม่จำเป็นต้องแพง แต่ของแท้ๆก็ไช่จะพบง่ายๆอีกเช่นกัน หายากน่าเก็บน่าหามาบูชามากๆๆๆ

วัดไทร บางขุนเทียน ในอดีตคือตำนานแห่งตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ถึงขนาดฝรั่งมังค่าต้องมาเที่ยวชม ไม่ต่างกับตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี หลังจากถูกปล่อยให้ซบเซาไปหลายสิบปี ทางเขตจอมทองได้พลิกฟื้นคืนชีวิตให้ตลาดน้ำวัดไทรอีกครั้ง จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของฝั่งธนบุรี โดยเฉพาะภายใน "วัดไทร" ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา นับว่ามี "ของดี" มากมายให้ชม อย่างเช่น "พระตำหนักทอง" สถานที่ประทับของพระเจ้าเสือที่ทรงสร้างเป็นอนุสรณ์เมื่อเสด็จทางชลมารคผ่านคลองสนามชัย, หอกลองเก่าสมัยอยุธยา, หอระฆังโบราณ และอุโบสถสองสมัยที่มีความงดงามมาก ...ความเจริญรุ่งเรืองของวัดไทร จะเกิดมีขึ้นไม่ได้หากขาดซึ่งอดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอย่าง "หลวงปู่อ๋อย" เจ้าตำรับว่านยาสักคุ้มชีวิต เจ้าของเหรียญฮิตอันดับต้นๆฝั่งธนบุรี พุทธคุณดีทาง "เหนียว" และเป็นหนึ่งในสุดยอดคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระพุทธชินราช รุ่นอินโดจีน ปี ๒๔๘๕ ทั้งนี้ ในย่านบางขุนเทียน นอกจากชื่อเสียงอันเกริกไกรของหลวงปู่เอี่ยม (พระภาวนาโกศลเถร) หรือ "เจ้าคุณเฒ่า" วัดหนังแล้ว "หลวงปู่อ๋อย วัดไทร" นับเป็นเกจิอาจารย์ดังอีกรูปหนึ่งที่มีวิทยาคมไม่เป็นสองรองใคร ร่วมสมัยกับ หลวงพ่อสิน วัดบางกะดี่ หลวงปู่อ๋อย ท่านเชี่ยวชาญด้านว่านยาสัก และ การเล่นแร่แปรธาตุจนสำเร็จเป็นทองคำ นาก เพชร พลอย รวมทั้งสร้างพระด้วยเนื้อผงผสมว่านต่างๆ แจกลูกศิษย์ ซึ่งมีพุทธคุณยอดเยี่ยมทางเหนียว แคล้วคลาด เมตตามหานิยม .ถึงขนาดสมเด็จฯพระสังฆราชฯ (แพ) วัดสุทัศน์ฯ ทรงเลื่อมใสมาก เวลาสร้างพระกริ่งและปลุกเสกคราวใดจะต้องนิมนต์ท่านมาด้วยทุกครั้ง พลังจิตของท่านกล้าแข็งมาก สามารถเสกใบมะขามเป็นตัวต่อตัวแตนได้ และเสกสิ่งของวัตถุมงคลอย่างใดก็ล้วนแต่ขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก 

หลวงพ่ออ๋อย มีนามเดิมว่า อ๋อย ถาวรวยัคฆ์ เป็นชาว อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยกำเนิด โดยเกิดเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๑๓ บิดา-มารดาชื่อ นายเสือ-นางสำริด ในวัยเด็กได้เข้าเรียนหนังสือไทยที่ วัดนางสาวโดยเรียนรู้อักษรไทยสมัยเก่าแค่อ่านออกเขียนได้คล่อง จึงกลับไปช่วยงานทางบ้านกระทั่งอายุย่างสู่ปีที่ ๒๖ จึงอุปสมบท ณ วัดนางสาว เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๓๙ โดยมี หลวงพ่อเกิดวัดนกกระจอก เป็นอุปัชฌาย์ โดยสมัยนั้นมีพระที่บวชวัดเดียวกันซึ่งต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมที่สนิทสนมกัน คือ หลวงพ่อคง หลังจากจำพรรษาอยู่ที่วัดนางสาวได้ 1 พรรษา จึงย้ายไปจำพรรษาที่ วัดไทร บางขุนเทียน เพื่อทำการ ศึกษาค้นคว้าพระธรรมวินัยอันเป็นข้อปฏิบัติของสงฆ์ พร้อมทั้งร่ำเรียนอักษรขอมแล้วจึงหันมาสนใจ การศึกษาด้านพุทธาคมเวทมนต์คาถา กระทั่งเชี่ยวชาญและต่อมาได้เป็นสหายทางธรรมกับ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจึงไปมาหาสู่กันเป็นประจำ โดยหลวงพ่อรุ่ง จะเดินทางมาหา หลวงพ่ออ๋อย ที่วัดไทร เป็นประจำพร้อมค้างแรมครั้งละหลายคืนเสมอ เพราะ พระคณาจารย์ ผู้เป็นสหายทางธรรมมักจะมีการแลกเปลี่ยนวิชากันนั่นเองเนื่องจาก หลวงพ่ออ๋อย เองเป็นชาวกระทุ่มแบนอันเป็นเขตที่ วัดท่ากระบือ ของ หลวงพ่อรุ่ง พระคณาจารย์ทั้งสองจึงชอบพอกันเป็นพิเศษประกอบกับ หลวงพ่ออ๋อยโด่งดังด้าน ยาสักโดยใช้ สมุนไพร สักลงบนผิวหนังเพื่อ รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ชาวบ้านหายขาดอยู่เสมอ จึงมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ทั้งนี้ การรักษาโรคด้วยยาสักมีเคล็ดอยู่ว่า ถ้าใครไม่ขอร้องให้รักษา จงอย่าขันอาสารักษาให้น้ำมันมนต์ของท่านช่วยชีวิตคนที่เป็นโรคห่า (อหิวาตกโรค)ไว้มากมาย ข้าวสารเสกเลื่องลือมาก หากใครได้กินจะร่ำเรียนปัญญาดี คนบางขุนเทียนสมัยนั้นนิยมกันมาก แม้แต่คนกรุงเทพฯยังเอาไปให้ท่านเสกกันเป็นจำนวนมาก ตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่านเสกทรายใส่ถุงเล็กๆแจกจ่ายทหารและชาวบ้านให้ไปพกติดตัว ปรากฏว่าไม่เป็นอันตรายเลย เป็นเรื่องเล่าขานกันมาจนทุกวันนี้ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์ เลื่อมใสมาก เวลาสร้างพระกริ่งและ ปลุกเสกคราวใดจะต้องนิมนต์ท่านมาด้วยทุกครั้งพลังจิตของท่านกล้าแข็งมาก สามารถเสกใบมะขามเป็นตัวต่อแตนได้ และเสกสิ่งของวัตถุมงคลอย่างใด ก็ล้วนแต่ขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หลวงพ่ออ๋อยท่านสร้างพระด้วย เนื้อดินเผา และเนื้อผงผสมว่านยา ซึ่งเป็นว่านยาที่ท่านใช้ในการสักด้วย นอกจากนี้ยังได้เป็น เจ้าอาวาสวัดไทร พร้อมได้รับพระ ราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูถาวรสมณวงศ์ และมรณภาพโดยความสงบขณะมีอายุ ๘๙ ปี เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๑ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีจอจุลศักราช ๑๓๒๐ อานุภาพแห่งพระเครื่อง ของ ลพ.อ๋อย เป็นที่รู้จักแล้วกล่าวขวัญกันมาก ทั้งเรื่องแคล้วคลาดและคงกะพัน ซึ่งมีเขียนลงในนิตยสารจักวาลพระเครื่อง หลาย ๆ ตอน แต่ที่เห็นว่ามีหลักฐานที่มีข้อพิสูจน์ คือ เรื่องความขลังอลังการ ของกฤตยานุภาพยาสัก ของหลวงพ่อ คราวถวายการรักษา พระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงประชวรด้วยอาการไส้ขอด แพทย์ได้ประชุมกันแล้วตัดสินใจว่าจะต้องถวายการผ่าตัด เป็นการด่วน ขณะนั้นได้มีท่านพระยา ลูกศิษย์หลวงพ่ออ๋อย ได้ทราบเรื่องขึ้น ก็เสนอไม่ยอมให้ผ่าตัด ทูลเชิญเสด็จไปวัดไทร เพื่อให้ ลพ.อ๋อยถวายการรักษาให้ ปรากฏว่า ลพ.อ๋อยได้ตรวจดูอาการและถวายการรักษาโดยการสักยาตรงที่ปวด หลังจากถวายการสักยาเสร็จแล้ว ท่านพระยาก็นำ สมเด็จพะสังฆราชกลับโรงพยาบาล รุ่งขึ้นเช้า แพทย์ได้มาถวายการตรวจอีกครั้ง ปรากฏว่า โรคที่เคยตรวจเมื่อสองวันก่อน ได้หายเป็นปลิดทิ้ง ไม่มีอาการเหลืออยู่เลย สร้างความแปลกใจให้กับคณะแพทย์ พระเครื่อง ลพ.อ๋อย เป็นพระเครื่องที่เกิดจากความตั้งใจ ของ ลพ.อ๋อย เพื่อต้องการให้พุทธนุภาพในองค์พระได้ปกป้องลูกศิษย์ลูกหา ของท่านให้ประสบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ลาภผลพูลทวี แคล้วคลาดในอุบัติภัยต่าง ๆ และ ปราศจากโรคาพยาธิ เรื่องราคาเช่าหาก็ยังไม่แพง ยังแสวงหาได้ แต่ในอนาคตอันใกล้ พระเครื่องของท่านจะเป็น ที่แสวงหาของนักนิยมพระเครื่อง เนื่องจากประสบการณ์และการสร้างที่บริสุทธิ์. ดังคำพูดประจำของหลวงพ่ออ๋อยที่ท่านชอบให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาที่มาขอวัตถุมงคลของท่านติดตัว