พระโคนสมอ "โคนสมอ ดีเสมอ"
พระโคนสมอ เนื้อดินศักดิ์สิทธิ์ผสมว่านมงคล กรุวังหน้า กรุงเทพมหานครฯ"
ตำนานพระโคนสมอนั้นมาจากทางกรมศิลปากรได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วังหน้า หรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ และได้ค้นพบพระจำนวนมาก และทางกรมศิลปากร ได้นำพระที่พบพระจำนวนมากเหล่านั้น มาวางรวมกองกันไว้ที่ โคนต้นสมอพิเภกหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงเป็นที่มาของชื่อ พระโคนสมอกรุวังหน้า ที่นำมาให้ชมนี้ทั้งเนื้อดิน-เนื้อชินปางมารวิชัย เนื้อชินปางสมาธิ ค่านิยมในปัจจุบันถ้าสภาพสวยอยู่ที่พันปลาย-หมื่นต้นครับ
พระโคนสมอ มีพุทธคุณเด่นในด้าน คงกระพัน มหาอุด และนิรันตราย ในสมัยอยุธยาเวลาออกศึกจะเอาพระโคนสมอคล้องคอให้ม้าศึกและช้างศึกไว้ เมื่อปะทะกันก็จะแคล้วคลาดจาก คมหอกคมดาบของศัตรู แม้กระทั่งกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ขณะที่กลับจากการศึกษาวิชาทหารเรือที่ประเทศอังกฤษใหม่ๆ พระองค์ทรงสนพระทัยในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องและเครื่องราง ทรงให้ทหารได้นำพระวังหน้ามาทดสอบโดยยิงด้วยปืนไฟที่ทันสมัยในยุคนั้น ซึ่งปรากฏว่าปืนยิงไม่ออกหลายนัด ซึ่งพระวังหน้าดังกล่าวนี้ก็คือพระโคนสมอนั่นเอง และนอกจากนี้ตอนสงครามอินโดจีนทหารไทยได้พกพระโคนสมอติดตัวเป็นขวัญกำลังใจ และมีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขวัญว่า ข้าศึกไม่สามารถทำอะไรทหารไทยได้ ยิงไม่เข้าเหมือนทหารผีนั่นเอง
พระโคนสมอ เป็นพระเครื่องสมัยอยุธยากลางถึงตอนปลาย สร้างจากเนื้อดินเป็นหลัก แต่ก็มีเนื้อชินด้วย พระส่วนใหญ่จะเป็นพระพิมพ์ประจำวัน แต่ก็มีพิมพ์อื่นเช่นกัน พุทธลักษณะองค์พระอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ลายเส้นต่างๆของพิมพ์สวย คม ลึก เป็นเอกลักษณ์สันนิษฐานว่าเป็นแบบฉบับช่างหลวงสมัยอยุธยาตอนกลางถึงปลาย
พุทธลักษณะของพระโคนสมอมีหลายปาง เช่น ปางมารวิชัย(ซึ่งพบมากที่สุด) ปางถวายเนตร ปางห้ามญาติ ปางไสยาสน์ ปางอุ้มบาตร ปางป่าเลไลยก์ ปางสมาธิ ปางรำพึง ปางนาคปรก ปางนั่งห้อยพระบาท และปางมหาชมพูบดี ซึ่งพบน้อยมาก
เชื่อกันว่า พระโคนสมอได้นำมาจากกรุงศรีอยุธยา มาบรรจุในเจดีย์หรือพระอุโบสถในวัดที่สร้างขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยบรรจุไว้ที่วัดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เช่นบนเพดานพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส ซึ่งในอดีตเป็นวัดในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระราชวังหน้าในสมัยรัชกาลที่ ๑ ต่อมามีการบูรณะ ฯลฯ
|