**แมลงภู่คำไทยใหญ่(ตัวเมีย) แกะจากวัสดุทนสิทธิ์ธรรมชาติ(ง) แกะขาทะลุอุดปรอท ขี้งาขึ้นทั้งตัวแห้งๆเดิมๆสวยงามมีอายุ ตัวอ้วนสวย ขนาด3.5cm. เลี่ยมเงินลงยาแดงสวยงามพร้อมใช้**
**แมลงภู่คำ /ส่วยปะตุง/เชว์ปะตง **
ความเป็นสัตว์พิเศษของแมลงภู่ มีอยู่หลายประการ
1. แมลงภู่เป็นสัตว์มีพิษมีไม พิษของแมลงภู่เป็นรองตัวต่อ แต่มากกว่าผึ้งหลายเท่าตัวนัก คนที่แพ้พิษสัตว์มีปีก หากโดนแมลงภู่ต่อยต้องหามส่ง รพ.หลายราย
2.แมลงภู่เป็นสัตว์ตัวสีดำ แต่มีใจขาวสะอาด เพราะไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่น ไม่กินสัตว์เป็นอาหาร พอใจอยู่กับเกสรของดอกไม้ ในทุกๆเช้าแมลงภู่จะมีความสุขอยู่กับการกลั้วกินเกสรดอกไม้ มีเสียงดังหึ่งๆคล้ายๆกับการแสดงออกถึงความพอใจ สุขใจ ดีใจอย่างมากมาย ในล้านนามีสุภาษิตสอนหญิงที่เกี่ยวกับแมลงภู่ มีอยู่ว่า "น้องเป็นบุบผา มาลาดอกไม้ เกี๋ยงเกศแก้ว มณฑา เผิ้งภู่มิ้น หากบินมาหา บ่ใช่มาลา เซาะหาภู่เผิ้ง"
3.แมลงภู่ไม่ทำร้ายใครก่อนด้วยพิษของมัน แต่มีไว้เพื่อป้องกันตัวจากการรุกราน เมื่อเรารุกรานก่อน แมลงภู่ก็ต่อยแบบอุทิศชีวิต
4. แมลงภู่เป็นสัตว์ที่แยกตัวผู้-ตัวเมียชัดเจน ปกติจะมีสีดำออกเหลือบม่วง ตัวผู้มักจะมีขนาดตัวเล็กกว่าตัวเมีย ตัวผู้จะมีคลีบขนออกจากขาคู่หน้า ซึ่งเป็นการแสดงถึงการให้เกียรติเพศแม่ แต่มีคลีบขนจากขาคู่หน้าคือพร้อมที่จะประจัญหน้าศัตรูผู้รุกราน เพื่อปกป้องดูแลคู่ชีวิตของตนอย่างสุดชีวิต
5.แมลงภู่เป็นสัตว์ที่ออกหากินยามเช้ามืดยามรุ่งอรุณ จึงเชื่อว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทรงปราบพระยามารพร้อมด้วยเสนามารให้พ่ายแพ้ด้วยพระพุทธบารมี อย่างชนิดหมอบราบคาบแก้วแล้ว ณ ควงต้นพระศรีมหาโพธิ์ในรุ่งเช้าของวันนั้น แมลงภู่ก็ยังเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ได้รับกระแสพระเมตตาจากพระพุทธเจ้า ยังได้ถวายการกระพือปีกให้เสียงอันกังวานเป็นพุทธบูชาในการตรัสรู้นั้นด้วย
6.ในอดีต ณ.พระนครนพบุรีเชียงใหม่ ยังปรากฎมีพระมหาราชครูองค์หนึ่ง ที่มีพระเวทย์มนต์ยำอันวิเศษและมีปัญญาอันมาก มีโวหารเทศนาอันลึกลับสุขุมาล เป็นพระมหาราชครูผู้ที่องค์พ่อเจ้าหลวง กษัตริย์แห่งเมืองเชียงใหม่ทรงนับถือสืบมาถึง 3รัชกาล ก็ยังปรากฎว่าท่านทรงมนต์อันหนึ่ง ชื่อว่าแมลงภู่คำตัวปู๊-ตัวแม่อยู่เสมอมิได้ขาด ในฝอยการใช้นั้นพรรณนาถึงคุณคาถาบทนี้มากมายหลายประการนัก...
ดังที่บอกไปแล้วว่า แมลงภู่ปกติมีสีดำ แล้วทำไมแมลงภู่คำถึงมีสีทอง แมลงภู่ก็เหมือนสัตว์ทั่วไปที่มีตัวประธานจ่าฝูงหรือตัวพญาอยู่ คล้ายๆผึ้งที่มีราชินีผึ้ง คล้ายปลวกที่มีพญาปลวก ในบรรดาแมลงภู่มักจะมีตัวพญาที่เป็นใหญ่ ที่แตกต่างจากบรรดาแมลงภู่ทั้งหลายคือ จะมีสีออกเหลืองทอง ไรขนสีเหลืองๆทองๆ ทั้งตัวผู้ตัวเมีย บางตัวออกสีชมพูจางๆก็เคยเจอ เพื่อหวังผลทางความยิ่งใหญ่ ความเป็นใหญ่ ความสำเร็จสูง การป้องกันสูง ความมีอำนาจสูงเช่นเจ้าพระยา พญาจ่าแคว้น จึงนิยมแกะเป็นแมลงภู่แล้วนำไปลงรัก ลงชาด ปิดทองเพื่อยกยอให้เป็นตัวพญา... แมลงภู่คำ..
.....แมลงภู่คำตัวผู้ มักจะไม่ค่อยพบเจอมากมายเท่าไหร่นัก ถ้าเทียบกับตัวเมีย ด้วยเหตุผลว่า ในการสร้างแมลงภู่คำนั้นเมื่อแกะแมลงภู่ตัวเมีย50ตัวก็นิยมแกะตัวผู้สัก4-5ตัว เพื่อกระจายกำลังไม่ให้ส่งผลด้านเดียวมากเกินไป ตัวผู้เปรียบเหมือนธาตุดินผสมธาตุไฟ 90 ที่มีลักษณะเข้มแข็ง ร้อนแรง ยอมหักไม่ยอมงอ ถ้าเปรียบคติทางไสยก็คือ มีแต่ป้องกัน(ก่า)การรุกราน ร้อนแรงด้วยพลัง ผู้คนเคารพยำเกรง และมีคติซ่อนเร้นทางไสย์บางประการ(ไม่สามารถนำมาเล่าตรงนี้ได้) แต่ต่างกันกับแมลงภู่คำตัวเมีย ที่เปรียบเหมือนธาตุน้ำ+ธาตุลม 70 มีลักษณะนุ่มนวล อ่อนหวาน น่ารักน่าชม ชวนพิศติดตราตรึง ดังดรุณีแรกรุ่น แต่ก็แฝงไปด้วยพิษสงที่ค่อนข้างน่ากลัวมากพอสมควร เหมือนผู้หญิงเก่งที่ผู้ชายยังกลัว ถ้าคุณทางไสย์นั้นแมลงภู่คำตัวเมีย ใช้ค้าขายได้ดี มีโชคลาภ มียศศักดิ์วาสนา มีเสน่ห์ในตัว เข้าได้ทุกที่ ดีทุกเส้นทาง ป้องกันตัวก็ได้ โบราณจารย์ถึงนิยมแกะและพกพาบูชาแมลงภู่คำตัวเมียมากกว่าตัวผู้นั่นเอง แต่จงจำไว้ว่า แมลงภู่เป็นสัตว์มีพิษมีไม(เหล็กใน) เมื่อเล่นแมลงภู่จงเข้าใจแมลงภู่ อย่าทำไปเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะ ดูให้ดี พิจารณาให้ถี่ถ้วน แล้วจะบังเกิดคุณนะครับ หาไม่แล้วระวังจะโดนไมแมลงภู่นะ...
.......อิทธิคุณของแมลงภู่คำ คล้ายๆกับเบี้ยแก้ของไทยเรา คือการนำปรอทมาบรรจุไว้ในตัวเหมือนกัน ประจุมนต์ผ่านปรอทที่กลอกกลิ้งไปมานั้นอย่างเดียวกัน ต่างกันตรงที่ เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางที่ค่อนข้างให้ผลโดดเด่นทางป้องกันคุณไสย์ ป้องกันลมเพลมพัด เสียส่วนมาก ทางโชคลาภเงินทองค่อนข้างจะไม่ปรากฎเด่นชัดนักจะมีอยู่บางๆเท่านั้น แต่แมลงภู่คำ นอกจากด้านป้องกัน (ก่า) ด้านแคล้วคลาดจากภัยอันตราย (กาง) แล้วยังมีด้านเสน่ห์(อะจุน) และโชคลาภ(ลาภะ)อยู่ในตัว จึงทำให้เป็นที่เสาะแสวงหาของคนทุกชนชั้น ทั้งผู้มีอำนาจวาสนา ผู้ปกครองคนหมู่มาก พ่อค้าแม่ขาย คนที่เดินทางบ่อย คนที่ขึ้นเจ้าเข้านาย และผู้ที่ต้องการให้ผู้อื่นรักใคร่เมตตาอีกด้วย.....
**บทความทั้งหมดนี้โดยพระอาจารย์อภิวัฒน์ วัดทุ่งโป่งเมืองปาย**
|