๘๘ ตำนานของกายสิทธิ์ปลาย Jาขนาย(Jาช้างตัวเมีย ) ๘๘
ปลาย Jา ขนาย มีรอยจารอักขระล้านนา เก่าอายุไม่ต่ำกว่า ๘๐ ปี
Jาอาถรรพ์เป็นของกายสิทธิ์ที่เกิดขึ้นกับช้างตัวเมียนับว่าเป็นช้างพระโพธิสัตว์มาบำเพ็ญบารมี เพราะตามธรรมดาช้างตัวเมียจะไม่มีJา หากช้างตัวเมียเชือกใดก็ตามเกิดมีJางอกออกมาโบราณจารย์ท่านเรียกว่า “Jาขนาย” ซึ่งลักษณะจะแตกต่าง ไปจากงาช้างตัวผู้ กล่าวคือจะมีเนื้อJากึ่Jาา กึ่งเขา กึ่งกระดูกเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งและช้างเชือกนั้น จะมีลักษณะดีมีความสง่างามดั่งนางพญาช้าง เป็นที่เกรงขามต่อบรรดาช้างในโขลงด้วยกันอันเนื่องมาจากพลังวิเศษที่แฝงอำนาจเร้นลับซึ่งสถิตย์อยู่ในJานั่นเองและหากJาขนายนั้นต่อมาได้ กลับกลายสภาพเป็นคด (หิน) ท่านเรียกว่ากายสิทธิ์ซ้อนกายสิทธิ์ ก็ยิ่งจักทวีพลังอานุภาพเป็น ทวีคูณ แต่ใช่ว่าจะพบเจอได้ง่ายๆไม่ เพียงแค่ได้พบเห็นก็นับเป็นบุญวาสนาตายิ่งนัก
อานุภาพนั้นโดดเด่นทางมหาอำนาจราชศักดิ์ ข่มศัตรูคู่อริเป็นที่เกรงขาม หนุนดวงชะตา เรียกโชคลาภ ป้องกันสิ่งอัปมงคลชั่วร้าย คุณไสยมนต์ดำ นำความเจริญ รุ่งเรืองสู่ผู้เป็นเจ้าของประเสริฐนักแล
Jากระเด็น Jากำจัด คือJาช้างที่แตกหักออกมาในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดได้ยาก โบราณท่านจึงถือว่าเป็นของทนสิทธ์ จะพบเห็นได้เมื่อช้างตกมัน ไล่อาละวาด.... แล้วเอาJาแทงกับต้นไม้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวขณะตกมัน แล้วจะหักคาอยู่กับต้นไม้..ซึ่งแต่ละชิ้นก็ไม่ใหญ่มากนัก...เพราะอย่างดีก็หักแค่ปลายงากำจาย เรียกอีกอย่างว่า Jากระเด็น คือ Jาของช้างสองเชือกที่เข้าต่อสู้กันเพื่อชิงความเป็นใหญ่(จ่าโขลง) หรือแย่งตัวเมียแล้วต่อสู้กัน จนอาจมีปลายJาหักแตกกระจาย แล้วจะตกหล่นอยู่กับพื้นดินตามป่า ซึ่งในกรณีนี้ พรานป่าที่มีโอกาสเห็นช้างต่อสู้กัน มักจะคอยเฝ้าดูเพื่อคอยเก็บปลายหรือเศษJาที่อาจมีหล่นอยู่ แต่ก็ยากที่จะเจอ เป็นเครื่องรางทนสิทธิ์ ที่หายากมากๆ
|