เหรียญที่สร้างขึ้นจากการเล่นแร่แปรธาตุ(ตะกั่ว+ปรอท+ดีบุก)
เป็นของอาจารย์ทางพม่า เหรียญนี้สภาพใช้
ด้านหน้าเป็นรูปพญาปุริสาทกินผีอยู่บนอางยันต์
ด้านหลังเป็นรูปอางยันต์ ขนาดเหรียญ 2.9c.m.
เลี่ยมเงินฝังพลอยพร้อมใช้
----------------------------------
การเล่นแร่แปรธาตุตามตำราของไทยใหญ่(สืบเรียนมาจากพม่าหรือเปล่านั้นไม่แน่ใจ) เรียกกันว่า คัมภีร์อัคคียะ หรือแอ๊กกิยะกยาม ชื่อก็บอกตรงตัวอยู่แล้วว่าอัคคีคือไฟแปลตรงตัวง่ายๆก็คือธาตุที่สำเร็จมาจากไฟนั่นเอง ข้าพเจ้าเคยได้อ่านตำราที่เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุเป็นภาษาไทใหญ่ก็เรียกว่าแอ๊กกิยะนั้นเช่นกัน เท่าที่พบมีอยู่2วิธีใหญ่ๆ
1. วิธีแรกนิยมนำปรอท จ้าวน้ำเงิน และตะกั่ว ดีบุกเอามาตีเป็นแผ่น แล้วลงอักขระเลขยันต์ตามตำราส่วนมากเท่าที่เคยเห็นมักจะเป็นยันต์องค์พระที่ผูกขึ้นจากอักขระ ยันต์พารางาสู่บ้าง พารา28บ้าง หรือหัวใจนิพพานบ้างแล้วนำมาถลุงโดย ภาวนาคาถาบังคับขณะที่สูบเส่าตามคาบลมหายใจ บางทีก็บริกรรมคาถาเป็น 10,000 รอบ 100,000 รอบ เมื่อถลุงจนละลายดีแล้วก็นำไปเทลงในน้ำมันต่างๆตามตำราหลายๆรอบจนเห็นว่าปรอทสำเร็จนั้นมีฤทธิ์ตามตำราจึง นำไปเทเป็นลูกปรอทกลมบ้างรีบ้าง หรือบางทีก็นำไปเทเป็นรูปเหรียญพระพุทธบ้าง เหรียญโบโบอ่องบ้าง รูปหล่อพระฤาสีบ้างแล้ว แจกจ่ายไปตามบรรดาลูกศิษย์ซึ่งเป็นที่หวงแหนอย่างยิ่ง เชื่อกันว่าสามารถคุ้มดวงชะตาที่กำลังจะตกต่ำให้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นเครื่องรางป้องกันภูตผีปีศาจ คุณไสย์ทั้งปวง อำนวยผลด้านความสำเร็จสมปรารถนาในหน้าที่การงาน ให้มีโชคลาภวาสนา มียศมีตบะเดชะอำนาจเป็นต้น ส่วนมากเครื่องรางที่ปรากฏในรูปแบบปรอทสำเร็จมักมีอิทธิคุณในตัว เคยได้ยินคนไทยใหญ่ที่พกพาเล่าว่าเคยเห็นเหรียญปรอทนี้เรืองแสงเองได้บ้าง หายไปเองได้บ้าง ซึ่งก็น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง
2. วิธีที่๒ที่จะนำมาเล่ามีวิธีการดังต่อไปนี้ ขั้นตอนแรกคือแสวงหาวัตถุที่เป็นทองเหลือง ทองแดง ทองสำริด เงิน ทองคำ ตามมาตราส่วนที่กำหนดไว้คือทองเหลือง5กก. ทองแดง5 กก. เงิน 2 กก.และทองคำ 150 g.(อาจจะไม่ถูกต้อง อย่าทำตามที่ผมว่านะครับ) โลหะทั้ง๔ชนิด มักจะเป็นวัตถุที่มีอาถรรพ์หรือกายสิทธิ์ในตัวเองก่อนเช่น ทองขวานฟ้า ทองคำผีแมน แท่นพระชำรุด ทองแดงก้นหม้อฯลฯ นำโลหะทั้งหมดมาตะไบหยาบๆแล้วนำบรรจุในไหที่บรรจุด้วยว่านพิษหลายๆชนิด ไขวัว เนื้อวัว เนื้อควาย ไขควาย ฯลฯแล้วจึงนำไปฝังไว้ในที่ๆมีน้ำครำหรือมีน้ำตลอด เมื่อโลหะกินพิษจนอิ่มหนำดีแล้วเป็นเวลา 6เดือนเมื่อเวลาเปิดไหน้ำที่ดองต้องมีวรรณะดังรุ้งกินน้ำ ถึงจะนำออกมาถลุงอีก28ไฟ28รอบ(ตอนนี้ถึงจะนำปรอทผสม) เมื่อสำเร็จเทเป็นก้อนเป็นเม็ดเล็กๆแล้วก็นำไปต้มด้วยว่านยาสมุนไพรเช่นว่านต่งคืม ว่านสอด ว่านกาเผือก ว่านจักจ่าวะเต มังแข เข่งปานฯลฯเป็นต้น ตามตำราเพื่อชำระให้บริสุทธิ์ ด้วยไฟอ่อนๆให้พอเดือดไม่ขาดถึง3ราตรีซึ่งบางทีก็ระเบิดหายไปเสียก็มี เมื่อสำเร็จแล้วจึงนำไปปลุกเสกอีกถึง ๗ สถานที่จึงจะสำเร็จเป็นปะตาอัคคียะหรืออนันตะซุงธาตุ ที่เราๆเห็นกันอยู่นั้นเองครับ
**บทความทั้งหมดนี้เขียนโดย : พระอภิวัฒน์ อินฺทวณโณ วัดทุ่งโป่งเมืองปาย เพื่อการเผยแพร่เกียรติคุณครูบาอาจารย์ผู้สร้างปรอทอัคคียะทุกท่าน**
|