ผ้ายันต์ที่ทำมาจากผ้าเช็ดหน้านี้ ก่อนอื่นเรามาพูดที่มาที่ไปกันก่อน ผ้ายันต์นี้ได้จัดสร้างไว้เมื่อปี2562 เนื่องจากว่าผ้ายันต์เขียนมือล้านนายุคเก่าที่พบเห็นนั้นเริ่มจะหายาก เนื่องจากมีผู้นิยมสะสมมากขึ้น และราคาผ้ายันต์เขียนมือยุคเก่าราคาค่อนข้างแพง ยิ่งผืนที่เขียนสวยๆและของครูบาดังๆ ราคายิ่งแพงไปใหญ่ ทางร้านจึงอยากอนุรักษ์ผ้ายันต์เขียนมือไว้จึงได้ให้อาจารย์ที่นับถือ คืออาจารย์พรหมฤทธิ์ จ.น่าน เป็นผู้เขียนและเสกขึ้น โดยอาจารย์พรมฤทธิ์ท่านได้บวชเรียนตั้งแต่เป็นสามเณร ซึ่งในยุคนั้นที่บวชเรียนด้วยกันที่ดังๆในปัจจุบันคือครูบาน้อย วัดถ้ำเชตวัน อ.นาน้อย จ.น่าน ทั้งสองได้ศึกษาบาลีด้วยกัน และต่อมาครูบาน้อยท่านใฝ่ไปทางธรรมด้านวิปัสสนากรรมฐาน ส่วนอาจารย์พรหมฤทธิ์อยากศึกษาคาถาอาคมของล้านนาว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ท่านจึงได้เริ่มศึกษาวิชาอาคมตั้งแต่นั้นมา โดยท่านได้เรียนภาษาล้านนา ภาษาขอม ภาษาเงี้ยว(ไทใหญ่หรือไตใหญ่) พม่าบางส่วน เพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาวิชาอาคมสายต่างๆ ที่ต้องใช้ภาษานั้นๆ ในการศึกษาวิชาอาคมนั้นท่านได้เดินทางไปเรียนหลายๆที่ ของล้านนา ทางภาคอีสานแถบๆติดเขมร ภาคกลางและใต้ ไทใหญ่ พม่า โดยเรียนจากพระและฆราวาส เพื่อให้รู้หลายๆด้าน การไปขอเรียนวิชาแต่ละที่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะอยู่ๆเราจะขอเรียน แล้วอาจารย์จะสอนให้เลยไม่มีทางเป็นไปได้ ต้องอดทนอยู่รับใช้ปรนนิบัตรจึงจะได้เรียน เมื่อท่ เมื่อท่านเรียนจากสำนักต่างๆที่กล่าวมาอยู่สิบกว่าปี จนท่านพอจะมีวิชาอาคมอยู่บ้าง ท่านจึงได้เริ่มทดลองวิชาที่เรียนมาโดยสร้างพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ต่อมาท่านเริ่มมีชื่อเสียงทำให้เริ่มมีลูกศิษย์ลูกหามากขึ้น และมาขอให้ท่านสักยันต์ให้ เมื่อท่านได้สักยันต์ให้ผู้คนเริ่มรู้จักจึงมาขอสักยันต์ที่วัดมากขึ้น ทำให้วัดเกิดความวุ่นวายเพราะบางครั้งมีผู้หญิงมาขอสัก แต่ท่านเป็นพระสักให้ไม่ได้ ทำให้ชาวบ้านมองในทางไม่ดี และท่านได้สร้างวัดวาอารามที่ท่านจำพรรษาอยู่จนเรียบร้อย ท่านจึงได้ลาสิกขามานุ่งขาวห่มขาว ถือศีลและเปิดสำนักสักยันต์ขึ้น ช่วงที่ท่านนุ่งขาวห่มขาวก็ยังได้ไปเรียนวิชาเพิ่มเติมจากสมัยที่บวชเป็นพระ เนื่องจากว่าบางวิชาพระเรียนไม่ได้ ท่านจึงถือโอกาสไปเรียนเพิ่มเติม และช่วงเป็นพระท่านบอกว่า การเดินทางไปเรียนวิชาอาคมต่างๆค่อนข้างลำบากในการวางตัวเพราะเป็นพระทำอะไรก็ลำบาก เมื่อลาสิกขามาแล้วไปเรียนวิชาเพิ่มเติมได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทางร้านจึงได้ให้ท่านเขียนยันต์บนผ้าเช็ดหน้าขึ้น การเขียนยันต์บนผ้าหรือวัสดุต่างๆ ท่านเป็นคนที่จดจำเลขยันต์คาถาได้ดี เวลาท่านเขียนจะไม่มีการมาเปิดตำราดูยันต์ทีละตัว ท่านจะจำเลขยันต์ที่จะเขียนทั้งหมดแล้วตั้งจิตเขียนทีเดียวเสร็จ ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้อง ผ้ายันต์ที่จัดสร้างนี้จัดสร้าง2แบบคือ ผ้ายันต์สายพุทธคุณเช่น ยันต์บัวนวะภา ยันต์บัวโสฬส ยันต์พญาเต่าเรือน ส่วนอีกแบบหนึ่งนั้นเป็นสายเสน่ห์ คือ ยันต์อิ่นม้า(ม้าเสพนางสุรัสสติ) ยันต์พญาสุวรรณมหิงสา(พญาเขาคำอุ้มนางตัณหาและนางราคะ) โดยผ้ายันต์สายเสน่ห์นั้นได้นำมาร่วมพิธีปลุกเสกกับผ้ายันต์ปิดหน้าศพ ถือเอาอาถรรพ์ของผ้ายันต์ปิดหน้าศพมาช่วย หลังจากนั้นได้นำผ้ายันต์ทั้ง2แบบนำมาปลุกเสกช่วงเข้าพรรษาปี2562 หลังจากนั้น อาจารย์พรหมฤทธิ์ได้เดินทางไปมาเลเซียเพื่อไปสักยันต์และทำพิธีต่างๆให้กับลูกศิษย์มาเลเซีย จึงได้นำผ้ายันต์ชุดที่สร้างติดตัวไปให้บุชาที่นั้น ส่วนผ้ายันต์ที่เหลือเก็บไว้ที่สำนักได้ปลุกเสกตามงานและพิธีวันสำคัยต่างๆเรื่อยมาจน พิธีสุดท้ายคืองานไหว้ครูเมื่อวันที่16เมษายน2563(พญาวันเมือง) ทางร้านจึงนำผ้ายันต์ที่เหลือทั้งหมด15ผืน มาออกให้บูชา ซึ่งแต่ละแบบเหลือไม่กี่ผืน 15ผืนนี้ถือว่าเสกนานที่สุด ที่ทางร้านใช้ผ้าเช็ดหน้า เนื่องจากว่าสะดวกในการเตรียมผ้า และขนาดของผ้าเช็ดหน้ามีขนาดกำลังพอเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ขอบผ้ามีการเย็บตะเข็บให้เรียบร้อย เนื้อผ้านุ่ม เวลาเขียนยันต์จะเขียนง่าย เวลานำไปใช้พกพาสะดวก ถ้าพกพามิดชิดไม่ให้ใครรู้ คนอื่นนึกว่าผ้าเช็ดหน้าธรรมดา ผ้ายันต์เขียนมือนี้ประกอบไปการนำยันต์ที่เป็นจุดเด่นของสำนักต่างๆมาเขียน โดยยันต์หลักจะเหมือนกันจะต่างกันแค่ยันต์ลูกเพื่อไม่ให้ผ้ายันต์เหมือนกันทุกผืน และเพื่อให้แต่ละผืนมีจุดเด่นต่างกัน ในรายการนี้ประกอบไปด้วย.ผ้ายันต์บัวโสฬส ผ้ายันต์บัวนวะภา ผ้ายันต์พญาเต่าเรือน ครับ
|