วันนี้ครบรอบ8 ปีวันฌาปนกิจ อ.หมอสมสุข คงอุไร กระผมในฐานะ ศิษย์รัศมีพรหม โพธิโกและอีกหลายๆคนที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องของคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก ขอกราบคุณแห่งครูบาอาจารย์หมอ สมสุขคงอุไร อาจารย์ผู้ก่อตั้งคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกมา ณ โอกาสนี้ครับ
ครั้งนี้ผมอยากจะเสนอประวัติเหรียญ ที่หลายๆคนมองข้ามเพราะเป็นเหรียยที่ไม่ทันหลวงตาแสงปลุกเสกก็จริง แต่.........
ประวัติ หลวงปู่แสง วัดมณีชลขันธ์ และ วัดชีป่าสิตาราม ลพบุรี
อดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้มีนามว่า "หลวงปู่แสง"เดิมท่านอยู่ที่วัดมณีชลขันธ์
ซึ่งในตำนานกล่าวว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดระฆัง เป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชากับ
หลวงปู่แสงหรือขรัวตาแสง รูปนี้
และท่านเป็นพระเกจิที่เก่งมาก ของจังหวัดลพบุรี ว่ากันว่า เมื่อขรัวตาแสง ท่านสร้างเจดีย์ที่หน้าวัด มณีชลขันธ์(ปัจจุบัน)เสร็จ ท่านก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นก็เป็นที่เล่าขานเป็นตำนานของจ.ลพบุรี จนทุกวันนี้
เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป วัดชีป่าก็ถึงกาลเสื่อมโทรม ในขณะนั้นเจ้าอาวาสที่รักษาวัดชีป่าก็คือหลวงพ่อ ฉลวย มีความคิดอยากจะบูรณะวัดป่าแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้งแต่ยังขาดปัจจัยอีกมาก แล้วคืนหนึ่งท่านก็ฝันไปว่า มีพระผู้เฒ่ารูปหนึ่งมาบอกว่าให้สร้างเหรียญ รูปตัวท่านคือหลวงปู่แสง แต่หลวงพ่อ ฉลวยพูดว่า ไม่มีรูปของท่านเลยคงจะทำยาก หลวงพ่อเฒ่าองค์นั้นบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะมีคนนำรูปไปให้ แล้วก็ให้รูปแบบยันต์ข้างหลังเหรียญจากนั้นหลวงพ่อฉลวยท่านก็ตื่นจากความฝัน แล้วท่านก็มานั่งทบทวนหลายครั้ง ว่าจะเป็นจริงหรือ ท่านก็เลยเดินไปจุดธูปบอกกล่าวหลวงตาเฒ่าแสงว่า ถ้าเป็นนิมิตอันมงคลจริง ก็จะสร้างเหรียญรูปหลวงปู่แสง แต่...ขณะนั้นไม่มีรูปหลวงปู่แสงเลย
ผ่านไปอีก3วัน มีทหารคนหนึ่งเดินมาหาหลวงพ่อฉลวย แล้วบอกว่าเอารูปพระมาให้ หลวงพ่อฉลวงฟังแล้วก็ตกใจขนลุกขึ้นมาทันที รีบเดินออกไปหาคนที่นำรูปมาให้ ถามว่าใครให้เอามาให้ ทหารคนที่มารูปมาให้นั้นก็บอกว่า เขาฝันไปว่า มีพระแก่ๆคนหนึ่งเดินในบ้านแล้วเอามือชี้ไปที่รูปแล้วบอกว่า “เอารูปนี้ไปให้หลวงพ่อฉลวย ที่วัดชีป่าสิตารามด้วย” หลวงพ่อฉลวงท่านก็ดีใจใหญ่จึงให้รูปนี้เป็นต้นแบบ
ส่วนเหรียญที่ระลึกหลวงพ่อแสง วัดชีป่าสิตาราม จ.ลพบุรี ปี 2511
จำนวนการสร้าง
-เนื้อเงินสร้าง 483 องค์ ตอกโค๊ตเลขไทยหน้าเหรียญ ๔๘๓ เท่ากับจำนวนเหรียญ
-เนื้ออัลปาก้า สร้าง2511 องค์ เท่ากับปี พ.ศ.
-เนื้อทองแดง สร้าง5000 องค์
**บล็อกที่ปั๊มเหรีญรุ่นแรกนี้ ทาง หลวงพ่อฉลวยได้กลับนำมาปั๊มเหรียญทองแดงใหม่อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2535 แต่เนื้อทองแดงจะหนากว่าครั้งแรกที่สร้างและ ตัวพื้นผิวบล็อกจะเป็นกลากนิดๆถ้าสังเกตุดูดีๆนะครับ
พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ พ.ศ.๒๕๑๑ มีคณาจารย์ดังแห่งยุคร่วมปลุกเสก อาทิ…
- ลป.โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
- ลป.คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์
- ลพ.บุญมี วัดเขาสมอคอน
- ลพ.พริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู
- ลพ.จวน วัดหนองสุ่ม
- ลพ.ทอง วัดเขาจักจั่น
- ลพ.เจ้ย วัดห้วยมักกะสัน
-ลพ.ฉลวย (เจ้าอาวาส วัดชีป่า)ร่วมปลุกเสก
และสำคัญที่สุด ถือเป็นไฮไลท์ ของงานนี้เลยก็ว่าได้ครับ นั่นก็คือ หลวงปู่พรหม ถาวโร วัดช่องแค เป็นอีกองค์หนึ่ง ที่ได้รับการนิมนต์จาก หลวงพ่อฉลวย เจ้าอาวาส วัดชีป่าสิตารามมาร่วมปลุกเสก ว่ากันว่า เมื่อหลวงพ่อพรหม ท่านนั่งปลุกเสกอยู่ หลวงปู่โต๊ะท่านกำลังนั่งที่ของท่านมือของท่านก็เอื้อมจับสายสินธุ์เพื่อจะเสกพระ เมื่อท่านจับสายสินธุ์ท่านก็ทำท่าตกใจ หันหน้ามองไปที่หลวงพ่อพรหมท่านกำลังปลุกเสกพระรุ่นนี้อยู่อย่างทันที และหลวงปู่โต๊ะก็นั่งปลุกเสกต่อไป หลังจากในพิธีหลวงปู่โต๊ะก็ได้มากราบนมัสการหลวงปู่พรหม หลังจากนั้นหลวงปู่โต๊ะก็ได้ไปหาหลวงปู่พรหม ถวายสังฆทานร่วมกับหลวงปู่พรหมอีก2ครั้ง (และท่านก็ยังบอกกับลูกบุญธรรมท่านว่า ท่านเคารพหลวงปู่พรหม มาก)
(ต้องขอขอบคุณ หนังสือพระเกจิ ที่เคยลงประวัติการสร้างเหรียญของหลวงปู่แสงรุ่นนี้ไว้ ...แต่ผมจำ ฉบับที่..ไม่ได้ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง)
ความเกี่ยวเนื่องของขรัวเฒ่าแสง สมเด็จพุฒาจารย์(โต พฺรหมฺรํสี)กับหลวงพ่อพรหม ถาวโร แห่งวัดช่องแค ย้อนกลับไปในครั้งที่ อ.หมอสมสุข คงอุไร ได้เข้าไปกราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพรหม ครั้นที่หลวงปู่พรหมท่านจะปลุกเสกวัตถุมงคลเพิ่ม อ.หมอสมสุขท่านก็เอาพระสมเด็จวัดระฆังเข้าในพิธีเสกด้วย จู่ๆหลวงปู่พรหม ท่านก็หยิบพระสมด็จ ของ อ.หมอสมสุขออกมาแล้วว่า พระของหลวงพ่อที่ไหน? ใครปลุกเสก? อ.หมอสมสุขท่านก็บอกว่า พระสมเด็จวัดระฆังครับ หลวงพ่อพรหมถึงกับร้อง อ๋อ....พระของหลวงลุงโตนี่เอง ข้าไม่ต้องเสกให้แล้ว เพราะข้าก็เสกเหมือนหลวงลุงโตนี่แหละ นั่นเป็นคำถามในใจ อ.หมอเป็นอย่างมากจู่หลวงปู่พรหมว่า หลวงลุงโต ทั้งที่สมเด็จพุฒาจารย์(โต)ท่านมรณภาพ ปีพ.ศ2415 ซึ่งไม่ทันหลวงปู่พรหมอยู่แล้วจะเรียกว่า หลวงลุงโต ยังไง (หลวงปู่พรหม เกิดเมื่อปี พ.ศ.2426)เมื่อผ่านไปสักระยะ อ.หมอเลยซักถามประวัติของหลวงปู่พรหมว่าเป็นคนที่บ้านไหน ความเป็นมายังไงถึงมาอยู่ที่เขาช่องแค หลวงปู่พรหมท่านเล่าว่า บ้านเป็นคน อยุธยา ที่มาอยู่ช่องแคเพราะว่า ข้ามานั่งสมาธิในถ้ำเขาช่องแคแห่งนี้แล้วเจอ ศพ ของหลวงพ่อองค์มรณภาพในท่านั่งสมาธิ เมื่อเจอศพ ก็ปลงสังขารของร่างกาย เมื่อท่านเดินสมาธิไปเรื่อยๆแล้วจู่ๆก็มีเสียงมาสอนให้ฝึกไปตามเสียงที่บอก เมื่อออกจากสมาธิก็ปวารณากับศพหลวงพ่อที่นั่งเสียชีวิต ว่าจะขออยู่ที่เขาช่องแคตลอดชีวิต เมือออกจากถ้ำเขาช่องแค หลวงปูพรหมก็ทำการ ฌาปนกิจเผาพระศพแล้วเก็บอัฐิไว้ แล้วหลวงปู่พรหมก็กลับไปบ้านขายที่นาต่างๆเพื่อมาซื้อที่ดินแถวๆเขาช่องแคแห่งนี้ แล้วอ.หมอก็ถามไปว่า “ศพของหลวงพ่อที่นั่งเป็นใคร ใช่หลวงพ่อที่ท่านสร้างเจดีย์ที่ลพบุรีแล้วก็หายตัวไปใช่ไหม” หลวงปู่พรหมก็พยักหน้า นั่นก็หมายความว่า หลวงพ่อที่สอนหลวงพ่อพรหมที่เขานั่นก็คือขรัวเฒ่าแสง วัดมณีชลขันธ์อย่างแน่นอน เห็นไหมล่ะครับ ประวัติความเป็นมาเรื่องที่หลวงปู่แสง สมเด็จพุฒาจารย์(โต) และหลวงปู่พรหม ถาวโร เกี่ยวเนื่องกันแบบนี้เองครับ
ต้องขอขอบคุณหนังสืออนุสรณ์ ชีวประวัติของคุณหมอสมสุข คงอุไรและหลวปู่พรหม โดยเฉพาะพระอาจารย์ชนินทร์ ชนินโท ที่กรุณาเล่าให้กระผมฟังอย่างละเอียด และขอบคุณ คณะศิษย์พี่ศิษย์น้อง รัศมีพรหมโพธิโกทุกๆคนครับ
|