ปลัดขิกมหาเสน่ห์
วัดชัยเภรีย์ จ.สุพรรณ
ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องปลัดขิกก็คงไม่พ้นปลัดขิกหลวงพ่ออี๋
พุทธสโร วัดสัตหีบ ชลบุรี หรือไม่ก็ของหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโง จ.ฉะเชิงเทรา
ถือเป็นระดับตำนานการสร้างปลัดขิก ที่วงการพระเครื่อง
หรือวงการเครื่องรางของเมืองไทยตามหากันด้วยเหตุผลพุทธคุณสูง แต่...ราคาแสนแพง
ในยุคต่อๆมาจึงมีการสร้างปลัดขิกขึ้นตามวัดต่างๆ
หรือ ฆารวาสที่มีวิชาอาคม โดยหวังสร้างตามตำราที่ร่ำเรียนมาให้ลูกศิษย์ลูกหาไว้บูชากัน
ในที่นี้ผมไม่ขอเอ่ยถึงหลวงพ่อต่างๆที่เคยสร้างปลัดขิกไว้
ว่าสร้างยังไงเพราะแต่ละหลวงพ่อท่านก็มีวิชาเฉพาะตน
แต่เจตนาของหลวงพ่อทุกท่านก็อยากให้ลูกศิษย์ได้บูชากันและในกระทู้นี้ในที่นี้ผมจะขอกล่าวถึงปลัดขิกของหลวงพ่อวัดชัยเภรีย์
ที่ผมรู้จักและอยากนำมาเล่าให้อ่านกันถือเป็นการเผยแพร่ความรู้กันก็พอ
ปลัดขิกวัดชัยเภรีย์ อีกหนึ่งที่วัตถุมงคลเครื่องรางของขลังที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อ
แห่งวัดชัยเภรีย์ ที่ถามหากันตลอด
และเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่สร้างชื่อให้ท่านมานานตั้งแต่ท่านบวชเป็นเณรพรรษาต้นๆ(ด้วยเพราะวาสนาของหลวงพ่อ)
เพราะประสบการณ์ของเหล่าบรรดาลูกศิษย์นำไปใช้บูชาแล้วเกิดเห็นผลประจักเรื่อง
มหาเสน่ห์ มหานิยมคงพระพัน แคล้วคลาดเรื่องต่างๆเลยพูดกันปากต่อปากทำให้คนแถวเมืองสุพรรณ
อู่ทอง บ้านโข้ง บางปลาม้า หรือต่างจังหวัดมาหาหลวงพ่อบุญค้ำ
ที่วัดชัยเภรีย์แบบไม่ขาดสายเพื่อที่จะมาขอปลัดขิก ที่ท่านได้สร้างและปลุกเสก
แล้วแจกผู้ที่อยากจะได้จริงๆ ซึ่งก็ไม่เคยเหลือตกค้างที่วัดเลย(ผมยืนยัน)
ตำราการสร้างปลัดขิกท่านได้รับการถ่ายทอดจาก
หลวงตาเฒ่ากิ ท่านอยู่วัดกำแพงเหนือ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อดีตหลวงตาเฒ่ากิท่านเป็นเสือหรือนักเลงเก่าแถว อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เสือเฒ่ากิเคยโดนทางการจับตัวอยู่พักหนึ่ง
ตอนหลังได้รับการปล่อยตัวในคราวใกล้ปี พ.ศ.2500 ท่านก็ได้ออกบวช ไปจำพรรษาที่ วัดกำแพงเหนือ จ. ราชบุรี นานๆเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที
หลวงพ่อบุญค้ำ ในสมัยเด็กๆได้ยินชื่อเสียงของพระผู้เฒ่าองค์นี้ว่าขลังนักเรื่องการสร้างปลัดขิกถือเป็นวิชาเอกของพระผู้เฒ่าองค์นี้
เลยไปกราบขอเรียนวิชาการสร้างปลุกเสกปลัดขิกจากหลวงพ่อเฒ่าโดยตรง ว่ากันว่าหลวงพ่อเฒ่ากิ
พระองค์นี้ได้รับการถ่ายทอดวิชาปลัดขิกมาจาก หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี
และหลวงพ่อถิร ก็ได้รับการถ่ายทอดมาจาก หลวงพ่อทัต วัดวังพระนอนอีกที(หลวงพ่อทัต ท่านนี้เป็นพระผู้ที่ทรงอภิญญามากด้วยปาฎิหารย์ ผู้คนให้ความเคารพนับถือกันมากถือเป็นระดับปรมาจารย์องค์หนึ่งในยุคเดียวกันกับหลวงพ่อเนียม
วัดน้อย เลยที่เดียว แล้วยังมีเรื่องเล่ากันอีกว่าหลวงพ่ออี๋ หลวงพ่อเหลือ
เป็นเพื่อนกับหลวงพ่อทัต อีกด้วย )
ในตำราเรื่องการสร้างปลัดขิกนั้นท่าน
ตามตำราที่ท่านสร้างปลัดขิกต้องทำมาจากไม้ตาลหรือไม้ต้นตาลฟ้าผ่านำมาแกะเป็นรูปปลัดขิก
ต้นตาลนั้นต้องอายุเกิน100ปีขึ้นไป และต้องอยู่ที่ทุ่งนาของเศรษฐีเท่านั้น(ที่ดินติดจำนองธนาคารก็ไม่ได้
)แต่ด้วยเหตุที่ว่าหาไม้อย่างในตำราระบุนั้นยากมาก ถ้าเจอไม้ตาลก็อายุไม่ถึงร้อยปี
หรือเป็นไม้ตาลฟ้าผ่าแต่..ในที่เขาติดจำนองธนาคาร เมื่อเห็นว่า การสร้างปลัดขิกตามตำรานั้นหาวัสดุยากเกินไป
หลวงพ่อท่านก็สร้างจากไม้ที่เป็นมงคล เช่นไม้คูณเป็นส่วนมาก ไม้มะยม ไม้รัก ไม้สัก
หรือ ทองแดง ทองเหลือง ฯลฯ แต่ด้วยการสร้างแต่ละครั้งก็มีประสบการณ์ และก็หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว
ส่วนการปลุกเสกนั้นท่านต้องจารอักขระลงที่ตัวปลัดขิกทุกตัวจนเสร็จ อักขระที่ท่านลงก็คือ
ตรงส่วนหัวก็จะลง มะ อะ อุ ตรงกลางตัวจะลง อุ มะ อะ มิ และคาถาหัวใจโจร
กัญ หะ เน หะ ตามด้วยลงธาตุ4 นะ มะ พะ ทะ เมื่อลงจารอักขระครบทุกตัวแล้วทำการปลุกเสกตามพระคาถาที่ท่านได้เรียนมา
และการเสกปลัดขิกแต่ละครั้งนั้นมีเคล็ดของการเสกที่ว่าต้องให้หาผ้าถุงเด็กที่เคยใช้ใส่จริงๆ(ที่ยังไม่มีประจำเดือน
อายุ4-6ปี)มาคลุมพานที่จะเสกปลัดขิก ไว้
แล้วทำการปลุกเสกให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เสกตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นเท่านั้น
และห้ามเสกปลัดขิกต่อหน้าพระพุทธ หรือพระพุทธรูป
*** ส่วนในรูปภาพปลัดขิกด้านบนเป็นปลัดขิกที่แกะจากไม้ตาลฟ้าผ่า
อายุร้อยกว่าปี เกิดขึ้นในทุ่งนาของเศรษฐีชื่อว่า ยายเขียว เคล้าเครือตา บ้านดอนคา
(ยายเขียวท่านนี้เป็นเศรษฐีที่ อ.อู่ทอง เป็นคนมีฐานะดีมาแต่รุ่นปู่ทวด) เป็นต้นตาลฟ้าผ่าตามตำราพอดี(ไม้ตาลที่แกะเป็นปลัดขิกนี้เนื้อไม้แข็งเกือบจะเป็นหินเลยที่เดียว)
หลวงพ่อท่านได้กล่าวว่า “กว่าจะหาได้เกือบค่อนชีวิต”
รุ่นนี้สร้างแค่ครั้งเดียวเมื่อต้นปี 2556 นี้เองครับ (และก็หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็วเช่นกัน)
ส่วนในเรื่องของพุทธคุณแห่งปลัดขิกใช้ได้ดั่งอธิฐานขอสิ่งใดได้ดังใจหวัง
ทั้งเรื่องเสน่ห์ เมตตามหานิยมใครมีก็จะเป็นที่รักแก่คนและเทวดาทั้งหลาย
ใช้อธิฐานแช่น้ำเป็นน้ำมนต์พรมสินค้าให้ขายดี อธิฐานแกว่งน้ำให้คลอดลูกง่าย กันงู
สัตว์มีพิษต่าง กันผีในที่อาถรรพ์ต่างๆ เมื่อก้างปลาติดคอให้อธิฐานแล้วเขี่ยออกก้างปลาจะหลุดทันที เป็นมหาอุดคงกระพันได้ดีอีกด้วย
นี่คือตามตำราได้กล่าวไว้ (หลวงพ่อท่านพูดว่า
ถ้ามีปัญหาอะไรก็ตามลองอธิฐานกับปลัดขิกดู เดี๋ยวท่านก็จะจัดให้)
ปลัดขิกของหลวงพ่อท่านไม่ได้สร้างเพื่อจะจำหน่ายแต่อย่างใดคนที่รู้ก็จะไปขอท่านเองเป็นส่วนใหญ่ ในส่วนที่ผมสังเกตดูทีท่าของหลวงพ่อ ว่าถ้าใครมาขอก็จะให้
แต่ส่วนคนที่มาหาท่าน ใครไม่ขอท่านก็ไม่ให้
เพราะท่านไม่มีหน้าที่จะต้องบังคับให้ใครใช้วัตถุมงคลของท่านครับ
ขอขอบพระคุณหลวงพ่อบุญค้ำ
แห่งวัดชัยเภรีย์ ที่ถ่ายทอดเล่าเรื่องราวการสร้างปลัดขิกให้ฟังและผมก็ได้ขออนุญาตท่านนำมาเล่าที่เวปพระล้านนาแห่งนี้ได้อ่านเป็นที่แรก
แบบละเอียดถึงที่มาที่ไปของการสร้างปลัดขิกตามตำราที่ได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ท่าน ในส่วนตัวของผมก็ยังคงบูชาวัตถุมงคลเครื่องรางของท่านเสมอ
ปลัดขิกนี้ก็เช่นกันครับของผมมีแค่ใช้ ไม่ได้มีไว้จำหน่าย
เพราะถ้าใครอยากได้ก็คงต้องไปที่วัดชัยเภรีย์ จ.สุพรรณ เองล่ะครับ
ป.ล.
-บางคนบอกผมว่า....ใช้วัตถุมงคลของหลวงพ่อองค์นั้น-หลวงพ่อองค์นี้ไม่ไดผลเพราะอะไร?
คำตอบง่ายๆคือ
ของที่คุณบูชาอยู่เป็นของจริงหรือไม่?
ผ่านการปลุกเสกหรือผ่านพิธีกรรมที่ดีหรือเปล่า?
-
แต่ถ้าคำตอบของคุณว่า...ไปรับมากับวัดในพิธี แล้วทำไมชีวิตไม่ดีไปกว่าเดิมเลย? คำตอบก็คือ....คุณคาดหวังปาฏิหาริย์จนเกินไป
อยากให้เกิดขึ้นในทันทีที่คุณบูชา เมื่อปาฏิหาริย์เกิดขึ้นช้าหรือยังไม่ทันเกิด...
คุณก็ไม่ศรัทธาแบบเต็มร้อยจนความศรัทธาของคุณค่อยๆจางจนหายไป....
ผมเชื่อว่าทุกคนที่แขวนพระ
มีวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ต้องการปาฎิหารย์ อย่างทันที
ผมเคยพูดกับเพื่อนหลายๆครั้งหรือคนที่มาถามผมเรื่องต่างๆว่า
ใช้วัตถุมงคลของหลวงพ่อองค์นี้-องค์นั้น จะดีจริงหรือ? ผมก็ตอบไปว่า....ผมไม่ได้ให้ขอเชื่อผมว่าหลวงพ่อท่านนี้ดี
ท่านนี้เก่ง เพราะสิ่งต่างๆจะเกิดขึ้นจากศรัทธาของท่านเอง และวัตถุมงคลที่ท่านศรัทธา
ที่ท่านเห็นว่ามีพิธีกรรมการปลุกเสกที่ดี เป็นของจริง หรือหลวงพ่อที่ผมบอก เมื่อบูชาใช้วัตถุมงคลของท่านแล้วถ้าจะให้เห็นผลทันตา
ที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ น่ะ? เป็นไปไม่ได้ เมื่อคุณเชื่อว่าของที่บูชานี้ดี
วัตถุมงคลที่เป็นของจริงหรือของที่มีการปลุกเสกจริงความเชื่อมั่นในวัตถุมงคลที่ท่านบูชาอยู่จะเกิดความสิ่งศักดิ์สิทธ์จะก่อปาฎิหารย์ค่อยๆส่งผลในชีวิตที่ดีแบบขึ้นบันไดทีละขั้นๆ
อุปมาเหมือนคนป่วยขาหัก ที่ได้รับการรักษา ได้ทานยาดี คนที่ขาหักนั้นก็ยังไม่สามารถวิ่งได้ในวินาทีนั้น
แต่เขาจะค่อยๆหายทีละนิดๆจนเดินและก็วิ่งได้ในที่สุด วัตถุมงคลที่บูชาก็เหมือนกัน
จะค่อยๆส่งผลด้วยแรงศรัทธา แรงแห่งการปลุกเสกจากผู้ที่สร้าง และแรงแห่งครูบาอาจารย์ของผู้สร้าง
ไม่ได้เชื่อแบบงมงายว่า ของที่ปลอมเป็นของแท้ถึงจะศรัทธามากเพียงไหนก็คงไม่เกิดปาฏิหารย์ได้เพราะยังไงก็เป็นของปลอมและก็จะเป็นของปลอมอยู่วันยังค่ำที่
มีแต่ผลเสียตามมา....
และอย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่ผมบอก.... ให้คุณค้นหาและพิสูตรด้วยตัวคุณเองหาคำตอบของตัวเองก่อนแล้วค่อยย้อนมาคิดตามก็ยังไม่เสียหาย
แค่นี้แหละครับ
|