เครื่องรางของขลัง
พระกระดูกผี วัดโพธิ์
(ปิดการประมูลแล้ว)
|
|
รายละเอียด :
พระปิดตาผงอัฐิ วัดโพธิ์ท่าเตียน สร้างโดยพระอาจารย์หนูท่านมีความชำนาญในวิชาอาคมและไสยศาสตร์ ในการสร้าง พระเครื่องของท่านจึงได้ดำเนินการแบบพิสดารผิดไปจากการสร้างพระเครื่องของอาจารย์อื่นๆ ท่านไม่เอาวัตถุจำพวกโลหะ ผงวิเศษ หรือ ดินมาสร้าง แต่ท่านได้นำเอา "เถ้ากระดูกพราย" (ผงกระดูกผี) ซึ่งตามหลักของวิชาไสยศาสตร์ถือว่าเป็น "วัตถุอาถรรพ์" ชนิดหนึ่ง มาเป็นมวลสารหลักในการสร้างองค์พระ// สร้างพระอย่างนี้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าเชี่ยวชาญถึงจะสามารถทำได้ เพราะของแบบนี้ย่อมมีแรงอาถรรพ์อยู่ในตัว โดยพระอาจารย์หนูได้ทำพิธีพลีกรรมก่อนทุกครั้ง ตามหลักวิชาที่ท่านร่ำเรียนมา// แล้วพระอาจารย์หนูยังได้เอา "ว่านโพง" มาบดให้ละเอียดผสมรวมเข้าไปด้วย สำหรับ "ว่านโพง" นี้ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ว่านกระสือ" เชื่อกันว่าเป็นว่านที่มีวิญญาณสิงสถิตย์อยู่ มักขึ้นอยู่ตามป่าลึก ซึ่งหากมีคนหรือสัตว์พลัดหลงเข้าไปก็อาจจะถูกวิญญาณที่สิงสถิตย์อยู่ในต้นว่านดูดเลือดกินจนตายไป//ว่านชนิดนี้เกจิอาจารย์ไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมชอบเลี้ยงเพื่อไว้เฝ้าบ้าน หรือบางทีก็ใช้วิชาอาคมสะกดให้วิญญาณออกไปทำร้ายศัตรู//การเลี้ยงว่านโพงหรือว่านกระสือนี้จะเลี้ยงยากกว่าว่านชนิดอื่นๆ ต้องเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้าจริงๆเท่านั้นถึงจะเลี้ยงได้ และการเลี้ยงต้องใช้ "เลือดสดๆ" ของสัตว์ต่างๆ มารดที่ต้นว่านแทนการรดด้วยน้ำเปล่าธรรมดาเหมือนพืชทั่วไป//พระอาจารย์หนูท่านได้ทำพิธี "ขุดว่าน" ตามตำรา แล้วเอาหัวว่านมาตากให้แห้ง บดเป็นผงให้ละเอียด ผสมกับเถ้ากระดูกพราย รวมเข้าด้วยกัน สร้างเป็นพระว่านโพงขึ้นมา//ส่วนในเรื่องการปลุกเสกนั้น พระอาจารย์หนูท่านไม่ได้จัดปลุกเสกแบบพิธีพุทธาภิเษก เพราะเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และประเทศไทยอยู่ในภาวะขับขัน แต่ท่านปลุกเสกด้วยวิชาอาคมตามตำราที่เรียนมาด้วยตัวท่านเพียงท่านเดียว//ในการสร้างพระว่านโพง ของพระอาจารย์หนูมีจำนวนไม่มากนัก ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจกันเท่าไหร่ เพราะกลัวไปว่า สร้างมาจากวัตถุอาถรรพ์ดังกล่าว แต่พอคนที่ได้รับแจกไปแล้วมีประสบการณ์กันมาก ปากต่อปากก็เล่าลือต่อๆ กันไป จึงมีคนแห่มาขอกันมากมาย เพราะแต่ละคนที่มีพระว่านโพง ของพระอาจารย์หนูล้วนแต่มีประสบการณ์รอดพ้นจากอันตรายต่างๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ คนที่ไม่มีก็อยากได้ไว้บูชา//อนึ่ง มีเรื่องเล่าติดปากกันมานานแล้ว เกี่ยวกับพระว่านโพง ของพระอาจารย์หนูรุ่นนี้ว่ามีคนนำไปใช้แล้วมีปรากฏการณ์ที่แปลกๆ ประหลาด ไม่น่าเชื่อ เช่น เดินกลางคืนคนเดียวในที่เปลี่ยวกลับมีคนอื่นเห็นว่าเดินกันหลายคน อย่างนี้เป็นต้น//และยังมีประสบการณ์ที่แปลกๆ กว่านี้อีกมาก แต่เท่าที่รับฟังมาก็ไม่ค่อยได้ยินว่าพระว่านโพง ของพระอาจารย์หนูโทษกับคนใช้ผู้ใดเลย เนื่องจากพระอาจารย์หนูนั้นได้ทำพิธีพลีกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้สะกดตามตำราไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ให้โทษแก่ผู้ใช้แต่อย่างใด เพียงแต่ว่า คนใช้หากมีโอกาสก็ควรจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเถ้ากระดูกพรายที่นำจัดมาสร้างพระว่านโพงบ้างก็ยังดี// พระปิดตาผงอัฐิ ที่กำลังจะบรรยายถึงประวัติที่มานั้น นับว่าเป็นพระดี เป็นพระที่ผู้นำไปใช้บูชาต่างมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมามากได้ด้าน ประสบการณ์ต่างๆ พระรุ่นนี้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ครั้งสงครามอินโดจีนกำลัง คุกกรุ่นในราวๆช่วงปีพศ. 2480 กว่าๆ ในสมัยสงครามอินโดจีน อันเป็นสงครามระหว่างไทยฝรั่งเศสที่มีอาณานิคมอยู่ในอินโดจีนนั้น ยุคนั้นทำให้เราได้รู้จักพระเกจิอาจารย์ต่างๆ มากมาย รวมทั้งบรรดาวัตถุมงคลที่บรรดาวัดหรือสมาคมต่างๆ ได้สร้างขึ้นมาเพื่อแจกให้ทหารที่ออกรบด้วย พอเสร็จสงครามอินโดจีนก็เข้าสู่ยุคของสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุคนั้นก็มีพระเกจิอาจารย์ต่างๆ อีกหลายท่านที่ได้สร้างวัตถุมงคลออกมาด้วย เนื่องจากตอนนั้นไทยเราได้ทำสัญญา เป็นมิตรกับญี่ปุ่นอยู่กับฝ่ายอักษะ ทั่วประเทศไทยตอนนั้นจึงมีแต่ทหาร ญี่ปุ่นมาตั้งฐานทัพเต็มไปหมดประเทศไทยจึงต้องทำสงครามกับฝ่ายพันธมิตรอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้หลายแห่งในประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์และเป็นที่ตั้งของกองทัพ ญี่ปุ่น ถูกเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิดระลอกแล้วละลอกเล่า จนสร้างความเสียหายให้กับสถานที่ และชีวิตผู้คนจำนวนมาก พระเกจิอาจารย์หลายท่านจึงได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมาแจกจ่ายทหาร ตำรวจอาสาสมัคร และประชาชน เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ และเครื่องรางป้องกัน วัดโพธิ์ ท่าเตียน หรือที่มีชื่อเป็นทางการว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลราม ก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ให้กำเนิดพระเครื่องขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และประชาชน เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องรางป้องกันอันตรายจากภัยสงครามในครั้งนั้นด้วย แต่วัตถุมงคลวัดโพธิ์ ท่าเตียนไม่ได้มีการสร้างอย่างเป็นทางการแบบที่ว่ามีพระเกจิอาจารย์หลายๆ ท่านมาช่วยกันปลุกเสก เป็นการสร้างวัตถุมงคลโดยพระเกจิอาจารย์เพียงท่านเดียว และเป็นการสร้างแบบเงียบๆ ค่อยเป็นค่อยไป พระปิดตาผงอัฐินี้เป็นพระปิดตาที่กำเนิดโดย พระอาจารย์หนู แห่งสำนักวัดโพธิ์ ท่าเตียน โดยอาจารย์หนู ท่านเป็นเกจิชาวเขมรสร้างพระรุ่นนี้ขึ้นในราวปี 2485 จากผงอัฐิเถ้ากระดูก, ผงพระพุทธคุณ, ผงอิทธิเจและว่านอาถรรพ์ต่างๆ ว่ากันว่าพระรุ่นนี้นั้น นอกจากห้อยบูชาจะดีเด่นทางด้านคงกระพัน แคล้วคลาดแล้ว ยังให้โชคในด้านการเสี่ยงการพนันขันต่ออีกด้วย ประวัติ พระอาจารย์หนู ท่านนี้ก็เป็นพระสงฆ์จาก จังหวัดสุรินทร์มีเชื้อสายเป็นชาวเขมรแต่มีวิชาอาคมแก่กล้า และเชี่ยวชาญทางวิทยาคม กับไสยศาสตร์มาก แม้อายุท่านจะไม่มากเท่าไหร่ แต่มีความศักดิ์สิทธิ์ทางคาถาอาคมจนเป็นที่ประจักษ์และมีคนนับถือกันมาก นอกจากนี้ท่านยังชอบเลี้ยงว่านด้วย ที่กุฎิของท่านจึงมีว่านต่างๆ หลายชนิดที่พระอาจารย์หนูได้เลี้ยงไว้ วิชาทางการแพทย์แผนโบราณพระอาจารย์หนูท่านก็มีความชำนาญสมัยนั้นที่กุฏิของ พระอาจารย์หนูจึงมีคนไปขอความอนุเคราะห์จากท่านอยู่บ่อยๆ บ้างก็ไปขอวัตถุมงคล บ้างก็ไปขอให้ท่านรดน้ำมนต์และบ้างก็ไปขอให้ท่านรักษาโรค ตอนที่ทหารญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยนั้นจึงมีเครื่องบินของฝ่าย พันธมิตรมาทิ้งระเบิดตามฐานทัพของทหารญี่ปุ่นและตามจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ อื่นๆ การทิ้งระเบิดเป็นการทิ้งแบบปูพรม และเครื่องบินก็บินสูง การทิ้งระเบิดจึงทำให้เกิดการพลาดเป้าหมายไปถูกบ้านเรือนของประชาชนอยู่เป็น ประจำ มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บพิการเพราะการถูกลูกหลงจากการทิ้งระเบิดกัน เป็นจำนวนมาก พระอาจารย์หนูท่านเกิดความสงสารประชาชนเหล่านั้นที่พลอยมารับเคราะห์ไปด้วย จึงได้ดำเนินการสร้างพระขึ้นมาเพื่อแจกประชาชนนำไปป้องกันอันตรายจากการทิ้ง ระเบิดด้วยตัวของท่านเอง เนื่องจากพระอาจารย์หนูท่านมีความชำนาญในวิชาอาคมและไสยศาสตร์ การสร้าง พระเครื่องของท่านจึงได้ดำเนินการแบบพิสดารผิดไปจากการสร้างพระเครื่องของ อาจารย์อื่นๆ ท่านไม่เอาวัสดุจำพวกโลหะ ผงวิเศษ หรือ ดินมาสร้าง แต่ท่านได้นำเอา ขี้เถ้ากระดูกของคนตาย มาสร้าง การที่ท่านนำเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างพระเครื่องก็คงเป็นเหตุผลของ ท่านเอง เนื่องจากขี้เถ้ากระดูกของคนตายนี้ตามหลักของวิชาไสยศาสตร์ก็ถือว่าเป็น วัสดุอาถรรพณ์ชนิดหนึ่ง แต่การที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกผีของคนตายมาสร้างวัตถุมงคลนั้นต้องเป็นคนที่มี วิชาอาคมแก่กล้าถึงจะทำได้ เพราะของแบบนี้ย่อมมีแรงอาถรรพณ์อยู่ในตัว แต่ขี้เถ้ากระดูกที่พระอาจารย์หนูนำมาสร้างพระเครื่องนั้นก็ไม่ได้จำเพาะว่า จะจะต้องเป็นขี้เถ้ากระดูกของคนที่ตายโหง หรือตายวันเสาร์เผาวันอังคารไม่ เป็นขี้เถ้าของกระดูกของคนตายแบบไหนก็ได้ ซึ่งสมัยนั้นคนตายนิยมเผากันตามเชิงตะกอน ในสมัยสงครามก็ยิ่งมีคนตายกันมาก ขี้เถ้ากระดูกของคนตายจึงสามารถหาได้ง่าย แต่ก่อนที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกมาพระอาจารย์หนูก็จะทำพิธีพลีกรรมก่อนทุกครั้ง ตามวิชาที่ท่านเรียนมา พระผงกระดูกของพระอาจารย์หนูนอกจากจะสร้างจากขี้เถ้ากระดูกของคนตายแล้ว พระอาจารย์หนูยังได้เอา ว่านโพง มาบดให้ละเอียดผสมเข้าไปด้วย สำหรับว่านโพงนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านกระสือ เชื่อกันว่าเป็นว่านที่มีอาถรรพ์และมีอิทธิฤทธิ์มาก มักขึ้นอยู่ตามป่าลึก หากสัตว์พลัดหลงเข้าไปในป่าลึกบริเวณที่มีว่านอยู่ อาจถูกว่านดูดเลือดกินจนตายไป ซึ่งว่านชนิดนี้อาจารย์ไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมชอบเลี้ยงเพื่อไว้เฝ้าบ้าน การเลี้ยงว่านโพงหรือว่านกระสือนี้จะเลี้ยงยากกว่าว่านชนิดอื่น อย่างไรก็ตามแม้มวลสารที่ท่านอาจารย์หนูนำมาใช้ในการสร้างพระปิดตานี้ดูจะ เฮี้ยนๆ ดูน่ากลัว แต่ท่านได้ทำพิธีพลีกรรมถูกต้องตามตำรับทุกประการ ทำให้ผู้ที่นำมาใช้กลับได้รับคุณอย่างเดียว เรื่องโทษยังไม่เคยปรากฏ และผลที่ได้กลับแปลกคือ แรง และ เร็ว กว่าวัตถุมงคลอีกหลายชนิด พุทธคุณจะแรงเร็วคล้ายๆกับเครื่องรางของขลัง แต่อย่างไรก็ดีผู้นำมาใช้ถ้ามีโอกาสเมื่อขอสิ่งใดได้แล้ว ก็ควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเถ้ากระดูกนั้นด้วย สำหรับประสบการณ์ที่เล่าขานนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่ทั้งทหารไทยและทหาร ญี่ปุ่นเมื่อสมัยสงครามจนมีคำเรียกติดปากกันในยุคนั้นว่า"ทหารผี" ในสงครามเป็นที่กล่าวขาน ว่าทหารไทยโดนยิงล้มแล้วลุกขึ้นมาสู้ใหม่เพราะหนังเหนียว นอกจากนี้ว่ากันว่าเมื่อบูชาแล้วจะเด่นมากในในด้านความปลอดภัย ป้องกันภัยดี เวลาเดินทางไปไหน จริงๆไปเพียงคนเดียว แต่มีประสบการณ์เล่ากันมาว่า มีคนเห็นว่าเหมือนมีคนมาหลายๆคน บางคนนั่งรถไปธุระพอลงจากรถมีคนถามว่า อ้าวแล้วคนที่มาด้วยไปไหนแล้วล่ะ.. ส่วนประสบการณ์ด้านอื่นเช่นการเสี่ยงโชคโดยเฉพาะนักเสี่ยงดวงเสี่ยงโชค ก็จะเหมือนมีคนเสี่ยงโชคมักจะสำเร็จเหมือนมีคนมาดลจิต แต่พอได้พอประมาณก็ควรพอนะครับ อย่าโลภมากเพราะ อาจจะหมดตัวได้ ใครชอบของแรงๆ พุทธคุณเด่นชัดเร็วๆก็ต้องบูชาพระปิดตาสำนักนี้ครับ รับประกันได้ว่าแขวนเดี่ยวประสบการณ์ชัดเจน มีประสบการณ์ครบสูตรไม่ว่าจะคงกะพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม ครับ ปัจจุบันที่เล่นหากันส่วนใหญ่ พระผงรุ่นนี้นับว่าเป็นพระผงที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ เป็นของขัลง ของแรงได้ผลประจักษ์รวดเร็ว
|
ราคาเปิดประมูล :
1000 บาท
ราคาสูงสุด ขณะนี้ :
1000 บาท
ราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น ขั้นต่ำ :
500 บาท
ผู้ตั้งประมูล :
arunyarit kasirakasa
ที่อยู่ :
136/443 TIWANONT Road,T.Tasai, A.Mueang , NONTABURI Thailand
เบอร์โทรติดต่อ :
0891778335, 0891778335
E-mail :
ipod_classic@hotmail.com
ชื่อบัญชี :
arunyarit kasiraksa
เลขที่ บัญชี :
1014543787
ธนาคาร :
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
วันที่ :
Fri 20, Jul 2012 21:00:42
|
|
|
|
|
|
|
โอนเงินให้แล้วนะคับ........0896370111
|
|
|
โดย : pisut2499@ [Feedback +1 -1] [+0 -0] |
|
[ 5 ] Fri 3, Aug 2012 08:57:10
|
|
|
|
ขอปิดตามที่คุยหลังไมค์นะคับ...พรุ่งนึ้เช้าโอนเงินนะคับ.....ช่วยส่งที่...เพ็ญนภา ยืนชัย..(โยธา)..200..ม.4.....อ บ ต.ดอนแก้ว ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 50180 -0896370111
|
|
|
โดย : pisut2499@ [Feedback +1 -1] [+0 -0] |
|
[ 4 ] Thu 2, Aug 2012 22:01:13
|
|
|
|
ขอแบ่งใช่ได้ไหมคับ-3500------0896370111
|
|
|
โดย : pisut2499@ [Feedback +1 -1] [+0 -0] |
|
[ 3 ] Thu 2, Aug 2012 09:20:48
|
|
|
|
ปิดเท่าไหร่คับ..เผื่อสู้ไหวคับ
|
|
|
โดย : pisut2499@ [Feedback +1 -1] [+0 -0] |
|
[ 1 ] Mon 23, Jul 2012 19:44:12
|
|
|
|
|
|
|