ข้าวตอกพระร่วงหรือข้าวพระร่วง
ตามตำนานของคนโบราณเล่ากันว่าข้าวตอกพระร่วงเป็นแร่ศักดิ์สิทธิื์์
ที่เกิดขึ้นในสมัย พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย
พระร่วงท่านเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์
กล่าวคือเปล่งวาจาอะไรออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น
ใน
ขณะที่ท่านได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุสงฆ์
และได้ออกบิณฑบาตรในวันออกพรรษาตักบาตรเทโว
เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้วข้าวที่เหลือก้นบาตรพร้อมข้าวตอกดอกไม้ท่านได้นำ
ไปโปรยลงบนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ แล้วทรงอธิษฐานว่า
ขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง
และมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครที่ได้นำไปบูชา
ขอให้เจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง...มีลักษณะความแข็งคล้ายหิน
มีรูปทรงตามธรรมชาติเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสีดำ
สีดำปนน้ำตาล สีดำปนลายเงินลายทอง(เชื่อถือกันว่าเป็นสื่อนำโชคลาภ
และเงินทอง) เมื่อนำไปเจียรนัยจะมีลักษณะเป็นเงามันสวยงามมาก
สรรพคุณหลวงพ่อฤาษีฯท่านได้แจกแร่
พระร่วงนี้เมื่อปี ๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้
แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ
1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธณาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ
2.พระ ธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า
เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง
ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน
พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที
3.เมื่อ ปี 2516 พระปลัดฉ่อง
แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้
มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน
เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอม
เสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล
เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น...
และ
จากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา จะพบกับความโชคดี มีโชคลาภ
เมตตามหานิยม แคล้วคลาด
และยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย |