เหรียญรุ่นแรกพระพุทธบาทสี่รอย วัดพระพุทธบาทสี่รอย
เหรียญประสบการณ์ของแม่ริมอธิฐานจิตโดยหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง หลวงปู่ครูบาธรรมธิ วัดสันป่าตึง หลวงปู่ครูบาวงค์ วัดพระบาทห้วยต้ม ครูบาพรชัย วัดพระพุทธบาทสี่รอย และเกจิคณาจารย์สายเเม่ริมเเม่เเตง
สนใจสอบถามได้ครับ 0861936900
ตำนานพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ ได้เสด็จจารึกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจันตะประเทศ (ประเทศไทยปัจจุบัน) จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศ ชื่อเขา "เวภารบรรพต" ซึ่งขณะนั้นได้เสด็จมาพร้อมกับพุทธสาวก ๕๐๐ องค์ และได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จ ขณะประทับอยู่ที่นั้น ก็ได้ทราบด้วยญาณสมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ ได้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ คือ พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัปป์นี้
แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระพุทธบาทแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ พระพุทธเจ้ากัสสปะ อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตรเป็นประธานเมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่า "พระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด" พระพุทธองค์จึงตรัสตอบว่า "ดูก่อนท่านทั้งหลาย สถานที่แห่งนี้แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี่ทุกๆ พระองค์ และแม้นว่าพระศรีอริยเมตไตร ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ และจักประทับรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว (คือ ประทับลบรอยทั้งสี่ให้เหลือรอยเดียว)"
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ จึงเกิดเป็นพระพุทธบาทสี่รอย
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์นั้นแล้ว ก็ทรงอธิฐานว่า "ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จะนำเอาพระธาตุของตถาคต มาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทที่นี่ ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒,๐๐๐ ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงคนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มาไหว้และบูชา" เมื่อทรงอธิฐานไว้ดังนี้แล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จไปเชตวันอารามอันมีในเมืองสาวัตถีนั้นแล เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็นำเอาพระธาตุของพระพุทธองค์มาบรรจุไว้ที่พระพุทธบาทสี่รอย
เมื่อพระพุทธองค์นิพพานล่วงมาแล้วประมาณ ๒,๐๐๐ ปี เทวดาทั้งหลายต้องการให้พระพุทธบาทสี่รอยปรากฏแก่คนทั้งหลาย ตามที่พระพุทธองค์ทรงอธิฐานไว้ จึงเนรมิตเป็นรุ้งตัวใหญ่ (เหยี่ยว) บินลงจากภูเขาเวภารบรรพต อันเป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้
เพื่อบินลงไปเอาลูกไก่ของชาวบ้านคนป่า ที่อยู่บริเวณตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นไปสู่ยอดเขา ชาวบ้านคนป่าเห็นเข้าก็โกรธมาก จึงตามขึ้นไปคิดว่าจะยิงรุ้งเสียให้ตาย ชาวบ้านจึงติดตามไปค้นหาดู แต่ไม่พบเห็นรุ้งตัวนั้น
กลับพบเห็นรอยพระพุทธบาทสี่รอยอันอยู่พื้นต้นไม้และเถาวัลย์ ชาวบ้านผู้นั้นก็ทำการสักการะบูชาเสร็จแล้วจึงลงจากภูเขา พอมาถึงหมู่บ้านก็เล่าบอกแก่ชาวบ้านทั้งหลายฟัง (ความอันนั้นก็ปรากฏสืบๆกันมา คนทั้งหลายที่ทราบก็พากันไปสักการะบูชามาก จึงได้ชื่อว่า "พระบาทรังรุ้ง" หรือ "พระพุทธบาทรังเหยี่ยว")
ในสมัยนั้นมีพระยาชื่อว่า "พระยาเม็งราย" เสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจึงมีพระราชศรัทธาอยากเสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาทสี่รอย ก็นำเอาราชเทวีและเสนาพร้อมกับบริวารทั้งหลาย เมื่อพระยาเม็งรายกราบนมัสการเสร็จแล้ว ก็นำเอาบริวารของตนกลับสู่เมืองเชียงใหม่ อยู่เสวยราชสมบัติตราบสิ้นอายุขัย แล้วลูกหลานที่สืบราชสมบัติก็เจริญรอยตาม และได้ขึ้นมากราบพระพุทธบาทสี่รอยทุกๆพระองค์ หลังจากนั้นมาพระบาทรังรุ้ง หรือพระบาทรังเหยี่ยว ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "พระพุทธบาทสี่รอย" เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึงสี่รอย
มาในสมัยยุคหลังคนทั้งหลายจึงเรียกขานกันว่า "พระพุทธบาทสี่รอย" คือ มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงมาแล้วในภัทรกัปป์นี้ คือ
๑. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันธะ เป็นรอยใหญ่ยาว ๑๒ ศอก
๒. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ ยาว ๙ ศอก
๓. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากัสสปะ ยาว ๗ ศอก
๔. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโคตะมะ (ศาสนาปัจจุบัน) รอยเล็กสุดยาว ๔ ศอก
เมื่อมาถึงสมัยพระยาธรรมช้างเผือก ผู้ครองนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยบริวาร ๕๐๐ คน ก็ขึ้นไปกราบสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่รอย และได้สร้างพระวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้ชั่วคราว โดยแต่เดิมถ้าใครจะดูรอยพระพุทธบาทบนยอดหินก้อนใหญ่ ต้องใช้บันไดพาดขึ้นไป หรือปีนขึ้นไปดู ซึ่งก็คงขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ดังนั้นพระยาธรรมช้างเผือกจึงตรัสสร้างแท่นยืนคล้ายๆ นั่งร้านรอบๆ ก้อนหินที่มีพระพุทธบาทสี่รอย เพื่อที่ผู้หญิงจะได้เห็นรอยพระพุทธบาทด้วย และได้สร้างหลังคาชั่วคราวมุงไว้
ต่อมาในสมัยพระชายาเจ้าดารารัศมีก็ได้ขึ้นไปกราบนมัสการ พระพุทธบาทสี่รอย และได้มีพระราชศรัทธาก่อสร้างวิหาร เป็นการกราบบูชารอยพระพุทธบาทไว้ ๑ หลัง หลังเล็ก ปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์แล้วทั้งหลัง จะเหลือไว้แต่ผนังวิหาร พื้นวิหารและแท่นพระซึ่งยังเป็นของเดิมอยู่
พระพุทธบาทสี่รอยเคยเป็นสถานที่พระอรหันต์หลายรูปมาธุดงค์ปักกลดปฏิบัติธรรมเจริญภาวนา ณ ที่แห่งนี้ อาทิ พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื่อ หลวงปู่สิม และล่าสุดคืออาจารย์ฤๅษีไพรขาว โดยท่านได้ปักกลดปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาอยู่ด้านหลังพระพุทธบาทสี่รอย แถบชายป่าเชิงเขานั่นเอง จากนั้นท่านจึงได้ไปยังสถานที่อื่นต่อๆไป
มาสมัยเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยก็ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย และได้รื้อพระวิหารที่เจ้าพระยาธรรมช้างเผือกสร้างไว้ชั่วคราว และได้สร้างพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทไว้ใหม่ ได้ฉาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทไว้ เพื่อรักษาให้อยู่ค้ำชูพุทธศาสนาไปตลอดกาลนาน
บทไหว้พระพุทธบาทสี่รอย
อะหัง วันทามิ พุทธังปาทะธาตุโย
กะกุสันโธ
โกนาคะมะโน
กัสสะโป
โคตะโม
จะตุฏโฐ นามะ พุทธะปาทัง สถิตัง โยนะกะปุลัง
นะมัตถุ โมคคัลลาโนเถรัสสะ มะหิทธิโก อุตตะเร
อนาคตัง อริยะเมตไตร อิติ นามะ โส ปัญจะ พุทธาปาทัง
หิตัง เทวะมะนุสสานัง ยัง นะมัสสันติ
สาธุ อะหัง วันทามิ สัพพะทา.ฯ
(อนุเคราะห์บทสวดโดย : อาจารย์ฤๅษีไพรขาว เมื่อครั้งท่านธุดงค์ขึ้นไปกราบพระพุทธบาทสี่รอย ได้ยินเสียงเทวดาสวดบทนี้ ท่านจึงจดจำและนำมาสวดตามตราบเท่าทุกวันนี้)
|