ภาพประวัติศาสตร์
ขอน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อปวงชนชาวไทย
กษัตริย์ไทยสมัยโบราณต้องออกศึกทำสงคราม แต่ยุคหลังๆก็มาใช้ยุทธศาสตร์ในการต่อสู้
รศ. 112 เป็นช่วงที่วิกฤตที่สุดตั้งแต่มีประเทศไทยมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นยุคล่าอาณานิคม ที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆประเทศไทยก็ตกเป็นเมืองขึ้นอยู่ภายใต้การปกครองของชาติมหาอำนาจจากยุโรป ฝรั่งเศสก็จ้องที่จะฮุบประเทศไทย
การดำเนินวิเทโศบายผูกมิตรกับมหาอำนาจรัสเซีย เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยระหว่างที่มกุฏราชกุมารแห่งรัสเซีย เสด็จฯจากอินเดียมาแวะไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ และเต็มที่ ทำให้ทั้งสองพระองค์กลายเป็นพระสหายสนิทข้ามทวีป ซึ่งต่อมามกุฏราชกุมารแห่งรัสเซีย ได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สอง
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองได้ทรงส่งนักการฑูตระดับสูง เข้ามาเป็นเอกอัครราชฑูตประจำประเทศไทย เพื่อช่วยไทยแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนกับฝรั่งเศสด้วย
พระราชดำรัสที่บ่งบอก ถึงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของพระองค์ท่าน…..
“เราตั้งใจอธิษฐานว่า เราจะกระทำการจนเต็มกำลังอย่างที่สุด ที่จะให้กรุงสยามเป็นประเทศอันหนึ่ง ซึ่งมีอิสรภาพและความเจริญ”
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรักชาติบ้านเมือง และ ความหวงแหนในเอกราชของแผ่นดินสยาม
ช่วงวิกฤตของประเทศสยาม
พ.ศ. 2436 ทำสนธิสัญญาและอนุสัญญาไทย-ฝรั่งเศส
พ.ศ. 2437 ทั้งในปารีสและในอาณานิคมอินโดจีนฝรั่งเศส มีความก้าวร้าวรุนแรงต่อสยามมากขึ้น
พ.ศ. 2439 มีแรงบีบคั้นเพื่อให้รัฐบาลฝรั่งเศสตัดสินใจใช้กำลังอาวุธเข้ายึดครองบริเวณฝั่งขวาแม่น้ำโขงอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะหลังการประกาศ “คำแถลงการณ์ร่วมอังกฤษ-ฝรั่งเศส”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเหล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสยุโรป 2 ครั้ง ใน พ.ศ. 2440 และ พ.ศ. 2450
การเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก พ.ศ. 2440 เพื่อ
-
ทำความเข้าใจกับชาติที่คุกคามไทย ในการเจรจาโดยตรงกับผู้นำของฝรั่งเศส แก้ไขปัญหาความขัดแย้งในกรณีที่สืบเนื่องจากวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436)
-
แสวงหาชาติพันธมิตรมาช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะประสบความสำเร็จในการสร้างสัมพันธไมตรีกษัตริย์รัสเซีย พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สอง แห่งราชวงศ์โรมานอฟ และได้ส่งเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถไปศึกษาที่ประเทศรัสเซียด้วย
-
ได้ทรงเจรจาและปรับความเข้าใจกับฝรั่งเศส ที่กำลังคุกคามไทยอย่างมาก
-
ทอดพระเนตรความเจริญของยุโรป จะได้นำมาเป็นแบบอย่างในการปรับปรุงบ้านเมืองรวมทั้งการแวะอินเดียถึง 3 เดือนเพื่อ
-
ดูวิธีการจัดระเบียบบ้านเมืองของอังกฤษกับเมืองขึ้นอินเดียและสิงคโปร์
-
เลิกทาสเพื่อให้มหาอำนาจเคารพไทย
-
การตัดคูคลองเพื่อสร้างเศรษฐกิจสังคมเกษตร
-
กฏหมายให้ทุกคนมีความเสมอภาค
การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 พ.ศ. 2450
-
เพื่อรักษาพระอาการประชวรเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและพระวักกะ(ไต)
-
เพื่อเจรจาราชการบ้านเมืองกับชาติตะวันตกต่างๆ
-
เรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต เรื่องคนในบังคับฝรั่งเศส อำนาจการปกครองเหนือดินแดนเมืองหลวงพระบางบนฝั่งขวาแม่น้ำโขงและเขตปลอดทหาร(ไทย) ระยะ 25 กม. บนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงตลอดแนวชายแดนระหว่างราชอาณาจักรสยามกับอาณานิคมอินโดจีนของฝรั่งเศส
-
ปัญหาภาษีร้อยชัก 3 เป็นร้อยชัก 10
-
โครงการสร้างทางรถไฟสายใต้
-
ทรงให้สัตยาบันในสนธิสัญญาสยามกับฝรั่งเศส พ.ศ. 2449
-
เจรจากับประเทศอังกฤษส่งผลให้เกิดสนธิสัญญาแลกเปลี่ยน 4 รัฐมลายูในเวลาต่อมา
-
การเสด็จพระราชดำเนินทรงรับปริญญาด็อกเตอร์ออฟลอว์ (Doctor of Law) ณ บ้านของอธิการบดีมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงฉายคู่กับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2440 เป็นหนึ่งในภาพข่าวที่ฮือฮาและมีนัยยะสำคัญทางการฑูตเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้ผู้รุกรานอย่าง อังกฤษ และฝรั่งเศษล่าถอยออกไป ทำให้ประเทศสยาม ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศมหาอำนาจทางยุโรป
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตด้วยโรคพระวักกะ (ไต) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 เวลา 2.45 นาฬิกา รวมพระชนมายุได้ 57 พรรษา หลังจากที่เสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจไม่นาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ
|