มีข่าวเอิ้นบอก
เชิญร่วมทำบุญสร้างหอแก้วใจเมืองเวียงเศรษฐี รับวัตถุมงคลจากหลากหลายคณาจารย์
|
|
|
|
|
|
ทำบุญตามจิตศรัทธาสร้างหอแก้วใจเมืองณ.เวียงเศรษฐี ต.หนองแฝก อ.สารภี จ.เชียงใหม่ อันเป็นเวียงเก่าแก่นับหลายร้อยปี บัดนี้จะทำการสร้างหอแก้วใจเมืองอันเป็นสมบัติลํ้าค่าในเมืองนี้ไว้ ผู้ร่วมทำบุญสามารถทำบุญได้ที่เวียงเศรษฐี และวัดหนองแฝกที่ตุ๊เจ้าติ่ง ฐิตญโณได้ มีวัตถุมงคลแจกจากหลายวัดหลายคณาจารย์อาทิ ลูกอมครูบาสิงห์แก้ว วัดปากกอง ครูบาดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อน หลวงตาม้า วัดถํ้าเมืองนะ ขุนแผนหลวงพ่อเสน่ห์ วัดเชียงขาง ครูบาอินตา วัดศาลา ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน ตุ๊เจ้าติ่ง ฐิตญาณโณ และอีกหลากหลายคณาจารย์ ซึ่งวัตถุมงคลแจกแก่ผู้ร่วมทำบุญสามารถรับวัตถุมงคลได้ลยที่เวียงเศรษฐี ซึ่งบางอย่างมีน้อยอาจหมดแล้ว ทำบุญตามจิตศรัทธา ด่วนมีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เวียงเศรษฐี นครโบราณ ของอำเภอสารภี
ตำนานเมืองโบราณเสฏฐิยนคร ( เวียงเศรษฐี )
( นายช่างปั้นหม้อบ้านภุญชานครกุมภการเศรษฐี )
พุทธโบราณสถานหมู่ ๒ ต.หนองแฝก อ.สารภี จ.เชียงใหม่
ตามตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลก ผูกที่ ๙
หลังจากพระพุทธองค์เสด็จจากที่ สังเวคฐานเจดีย์ พระองค์ก็เสด็จมาในนทางทิศตะวันออกประมาณ ๑,๐๐๐ วา เสด็จไปถึงบ้านกุมภการเศรษฐี ยังมีลั๊วะผู้หนึ่งเป็นเศรษฐีช่างหม้อ ปั้นหม้อขายและเป็นนายบ้านที่นั้นเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาจึงทูลถามว่า “ เจ้ากูจะไปที่ไหนหนอ “ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสกับลั๊วะผู้นั้นว่า “ เราตถาคตจาริกมาถึงเมืองที่นี้ เพื่อจะไปโปรดพญายักษ์ผู้มีความดุร้าย จับผู้คนไปกินเป็นอาหาร ณ ป่าราชายตนาราม และสัพพะสัตว์ทั้งหลาย “ กุมภการเศรษฐีจึงกราบทูลว่า “ เจ้ากู หากเป็นพระพุทธเจ้าเป็นแน่แท้” จึงกราบทูลอาราธนาว่า “ ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอโปรดพระองค์ผู้ทรงมีพระเมตตาพุทธมหากรุณาธิคุณจงได้สถิตประทับ โปรดเมตตาข้าพระพุทธองค์ทั้งหลายที่นี้สัก ๗ วันเถิด “ แล้วกุมภการเศรษฐีก็สร้างกุฎีหลังเล็กถวาย เพื่อเป็นที่ประทับพุทธสำราญแด่พระพุทธองค์ เหล่าบรรดาชาวบ้านทั้งหลายเมื่อทราบข่าวการมาประทับของพระพุทธองค์ที่หมู่บ้านของตน ก็นำข้าวน้ำโภชนาอาหาร มาถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็ทรงรับแล้วกระทำการอนุโมทนา ทรงตรัสแก่พระอรหันต์และพระเจ้าอโศกมหาราชว่า “ ดูรา ภิกษุสงฆ์สาวกแห่งพระตถาคต ทั้งหลาย เมื่อกูพระตถาคตมาถึงที่นี้ ลั๊วะทั้งหลายก็นำข้าวน้ำโภชนอาหารมาถวาย แล้วอาราธนาว่า “ ขอพระองค์จงภุญชา ........... ต่อไปภายหน้า สถานที่นี้จะกลายเป็นเมืองๆ หนึ่งปรากฏชื่อว่า “ ภุญชานคร “ ขณะนั้นพระอรหันต์และพระเจ้าอโศกก็กราบทูลขอเอาพระเกศาธาตุว่า “ ฐานะที่นี่ควรตั้งพระศาสนาของพระพุทธองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาประทานพระเกศาธาตุเถิด “ พระพุทธองค์ก็ทรงลูบพระเศียร ได้เกศาธาตุมาหนึ่งองค์ ทรงประทานแด่พระอานนท์และอรหันตสาวกทั้งหลายพร้อมด้วยพญาอโศกมหาราช พระราชาท้าวเธอจึงพร้อมด้วยพวกลั๊วะทั้งหลาย มีกุมภการเศรษฐีเป็นต้นจึงขุดหลุมลึก ๑๐๑ วา แล้วอัญเชิญพระเกศาธาตุใส่ในกระบอกไม้ซาง บรรจุใส่ในผอบทองคำใหญ่ ๘ กำมือนำลงไปบรรจุในหลุม เหล่าชาวลั๊วะทั้งหลายก็นำเอาสมบัติ แก้วแหวน เงินทอง ของมีค่าทั้งหลายสิบเจ็ดแสนใส่ลงไปบูชาพระเกศาธาตุแล้วก่อเจดีย์ทองคำสูง ๗ ศอกครอบผอบทองคำไว้ พระอินทร์ก็ทรงเนรมิตยนต์ดาบจักรผันไว้ เพื่อป้องกันบุคคลผู้มีความละโมบโลภมากมาย่ำยีทำลายพระเกศาธาตุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและขโมยของมีค่า ใช้ดินกลบถมจนเรียบร้อย แล้วสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสแก่พระอานนท์และพระอรหันต์เจ้าทั้งหลายพร้อมด้วยพญาอโศกมหาราชว่า “ เมื่อใดกูพระตถาคตนิพพานไปแล้ว ท่านทั้งหลายจงนำเอาธาตุกระดูกกระหม่อมหัวซีกขวา แห่งกูพระตถาคตมาประดาฐานไว้ ณ ที่นี้เทอญ “ จากนั้นพระพุทะองค์ก็ทรงเสด็จไปทางทิศเหนือ ไปโปรดอสุรยักษ์ ณ ป่าราชายตนารามและม่านผู้หนึ่งที่บ้านชีชางต่อไปจะแปรไปว่า เวียงกุมกาม ( อยู่ในเขต ต. ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ในปัจจุบัน )
ในตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลก ต้นฉบับเอกสารใบลานของ วัดแม่ตั๋ง ต . แม่พริก อ . แม่พริก
จ . ลำปาง กัณฑ์ที่ ๙ ซึ่งกล่าวถึงพระพุทธเจ้าครั้งเมื่อประทับ ณ เมืองสาวัตถี ทรงรำพึง ว่า” พระตถาคตมีพระชนมายุ ได้ ๗๘ ปีแล้ว เหลืออีก ๒ ปี ก็จะปรินิพพาน ครั้นออกพรรษาจึงได้เสด็จสู่ดินแดนล้านนา พร้อมด้วยพระอานนท์ พระโสณะกับพระอุตตะระเถระ พญาอินทร์ ท้าวจตุโลกบาล และพระเจ้าอโศก โดยตั้งต้นที่ปากแม่น้ำระมิงค์ คือแม่น้ำปิง ทางทิศใต้ บริเวณอำเภอฮอด จ . เชียงใหม่ เสด็จเลียบฝั่งน้ำ ขึ้นมาทางทิศเหนือเมื่อออกเดินทางมาได้ ๘,๐๐๐ วา เมื่อพระองค์ได้เสด็จมาถึงเชิงเขาอินทนนท์ บริเวณดอยจอมทอง ทรงประทานพระเกสาธาตุให้แก่พญาอังครัฐ บรรจุไว้ในเจดีย์ทรงทำนายว่า ต่อไปจะมีชื่อว่า บ้านหลวงจอมทอง เพราะมีต้นทองหลวงขึ้นอยู่เชิงภูเขา ในขณะนั้น มีลั๊วะผู้หนึ่งชื่อ อ้ายแสนคำทอง มีสหายชื่อ หมื่นคำคง อยู่บ้านขุนคง กับ อ้ายพันช้อย ( ปันจ๊อย ) เป็นหัวหน้าชาวยองอยู่บ้านห้วยปันจ๊อย ทั้งสามคนอยากเห็นพระพุทธเจ้า ก็จึงได้ชวนกันมาเฝ้า มาเฝ้าพระพุทธองค์ พระตถาคตเจ้าจึงได้ทรงประทานพระธาตุให้แก่แสนคำทองไปไว้ในหน้าผา และให้หมื่นคำคง นำไปไว้ที่หนองโขง ส่วนพันช้อย ทรงมอบพระธาตุพระฉิมพลีไว้ให้ ทรงทำนายว่าต่อไปจะได้ชื่อว่า บ้านห้วยปันจ้อย และบ้านหนองโขงขุนคง สถานที่ทั้งสองแห่งนี้ จะกันทุรกันดารน้ำ แล้วเสด็จไปถึงบ้านท่ามะโก๋และร้องแห้งทรงกล่าวว่าภายหน้าจะเรียกว่า บ้านร้องแฝก หรือ ( หนองแฝก ) ตำนานพระเจ้าเลียบโลกฉบับ วัดกู่คำ ได้กล่าวว่าจากนั้นพระพุทธองค์จึงได้เสด็จพุทธดำเนิน ไปที่บ้านกุมภการเสฏฐี และประทานพระเกศาธาตุเส้นหนึ่ง พระอรหันต์และกุมภเศรษฐีนำไปบรรจุในผอบคำแล้วขุดหลุมฝังไว้ ซึ่งต่อไปจะมีผู้สร้างเจดีย์ครอบ ทรงทำนายว่าที่นั่นจะเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุกระดูกกระหม่อมขวา จากนั้นเสด็จไปที่บ้านราชายตนาราม
|
|
|
โดย : พระคุณพระ [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 1 ] Sun 8, Sep 2013 08:33:24
|
|
|
|
|
|
|
|