มีข่าวเอิ้นบอก
เปิดจอง หลวงปู่ทวด รุ่น อิทธิฤทธิ์พระโพธิสัตว์ จัดสร้างน้อยเสกแล้ว 108 พระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ
|
|
|
|
|
|
เปิด จองแล้วค่ะ หลวงปู่ทวด รุ่น "อิทธิฤทธิ์พระโพธิสัตว์" สร้างน้อยแต่เข้มขลัง!!!! อาราธนาพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศร่วมปลุกเสก
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เนื้อทองคำ นน. (ประมาณ 1 บาท) สร้าง 99 องค์ จอง บูชา 39,999 บาท (หลังจอง 49,999 บาท)
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 2 ] Thu 1, Aug 2013 13:53:30
|
|
|
|
ชุดกรรมการ มีสีลงยาให้เลือก สามสี คือ น้ำเงิน เขียว และแดง
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 4 ] Thu 1, Aug 2013 13:54:25
|
|
|
|
เนื้อทองแดง สร้าง 5,000 เหรียญ จอง บูชา 199 บาท (หลังจอง 250 บาท)
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 5 ] Thu 1, Aug 2013 13:54:48
|
|
|
|
“นโมโพธิสตฺโต อาคนฺติมายอิติภควา”
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 6 ] Thu 1, Aug 2013 13:55:12
|
|
|
|
หลวงปู่ทวดหรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด พระเกจิอาจารย์ รูปสำคัญที่มีผู้ศรัทธาในองค์ท่านมากมายคงไม่มีใครจะปฏิเสธในความเชื่อ ความศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์และความนิยมในวัตถุมงคลหรือพระเครื่องหลวงพ่อทวดได้ ถึงแม้ว่าท่านไม่ได้สร้างเองก็ตาม
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 7 ] Thu 1, Aug 2013 13:55:27
|
|
|
|
เรื่องราวประวัติของหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ นั้นเป็นเรื่องราวตามตำนานที่ได้กล่าวเล่าสืบต่อๆกันมามีการรวบรวมจาก หนังสืออ้างอิงหลายเล่มทั้งที่เป็นตำนานหลักฐานทางประวัติศาสตร์และหนังสือ ประวัติหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ฯลฯกล่าวว่าหลวงปู่ทวดเป็นบุตรของนายหูนางจันทร์ซึ่งเป็นทาสในเรือนเบี้ยของ เศรษฐีปานเกิดในรัชกาลของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเมื่อวันที่3 มีนาคมพ.ศ. 2125 ปีมะโรงณ บ้านสวนจันทร์ (บ้านเลียบ) ต.ดีหลวงอ.สทิงพระจ.สงขลาแรกเกิดมีชื่อว่าปูขณะที่ท่านเกิดนั้นมีเหตุ อัศจรรย์เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าจนแผ่นดินสะเทือนเสมือนหนึ่งว่าผู้มีบุญญาธิการมา เกิด เมื่อตัดรกจากสายสะดือแล้วนายหูบิดาของท่านก็นำรกไปฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ต้นเลียบในปัจจุบันหลังจากนั้นก็มีเหตุอัศจรรย์ เกิดขึ้นกับท่านเรื่อยมาเป็นต้นว่า
ขณะที่ท่านอยู่ในวัยแบ เบาะบิดามารดาของท่านต้องออกไปเกี่ยวข้าวซึ่งเป็นนาของเศรษฐีปานซึ่งอยู่ ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตรที่นาแห่งนั้นมีดงตาลและต้นมะเม่าเป็นจำนวนมากบิดามารดาของท่านจึง ผูกเปลของท่านไว้กับต้นมะเม่าสองต้นและก็ได้เกี่ยวข้าวอยู่ไม่ไกลจากบริเวณ นั้นพอได้ระยะเวลาที่นางจันทร์ต้องให้นมลูกนางจันทร์จึงเดินมาที่ปลูกเปลของ ลูกน้อยเห็นงูจงอางตัวใหญ่พันขดที่รอบเปลนางจันทร์เห็นแล้วตกใจจึงเรียกนาย หูซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมาดูและช่วยไล่งูจงอางนั้นแต่ไม่ว่าจะไล่ด้วยวิธีใดงู จงอางนั้นก็ไม่ไปไหนทั้งสองจึงนั่งลงแล้วตั้งสัตยาธิษฐานว่าขออย่าได้ทำร้าย ลูกน้อยของตนเลย ไม่นานนักงูจงอางนั้นก็คลายวงรัดออกและเลื้อยหายไปในป่านายหูและนางจันทร์ จึงรีบเข้าไปดูลูกน้อยเห็นว่ายังคงหลับอยู่และไม่เป็นอันตรายใด ๆ นอกจากมีเมือกแก้วขนาดใหญ่ที่งูจงอางคลายไว้อยู่บนอกลูกชายมีแสงแวววาวและ แข็งตัวเป็นลูกแก้วในเวลาต่อมา(ปัจจุบันลูกแก้วนี้ได้ประดิษฐานที่วัดพะโคะ) เมื่อเศรษฐีปานทราบเรื่องเข้าก็บีบบังคับขอลูกแก้วเอาจากนายหูและนางจันทร์ บิดามารดาของท่านจึงจำต้องยอมให้ลูกแก้วนั้นแก่เศรษฐีปานซึ่งเป็นนายเงินของ ตนแต่ทว่าลูกแก้วนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวเด็กชายปูเมื่อเศรษฐีปาน เอาลูกแก้วไปจึงประสบเภทภัยต่างๆมากมายในครอบครัวและมีฐานะยากจนลงจนเศรษฐี ปานต้องนำลูกแก้วมาคืนและขอขมาเด็กชายปูพร้อมกับยกหนี้สินให้แก่นายหูและนาง จันทร์ทั้งสองจึงพ้นจากการเป็นทาสและภายหลังต่อมาก็มีฐานะดีขึ้นๆเทียบเท่า เศรษฐีปาน
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 8 ] Thu 1, Aug 2013 13:55:52
|
|
|
|
เมื่อเด็กชายปูมีอายุได้ประมาณ 7 ขวบพ.ศ. 2132 บิดามารดาของท่านจึงนำพาไปฝากไว้เป็นศิษย์วัดเพื่อเล่าเรียนหนังสือ ที่วัดวัดดีหลวงด้วยเห็นว่าเป็นวัดใกล้บ้านขณะนั้นมีหลวงพ่อจวงเป็นเจ้า อาวาสและมีศักดิ์เป็นลุงของท่านเด็กชายปูเป็นเด็กที่หัวดีเรียนเก่งสามารถ อ่านเขียนทั้งภาษาขอมและภาษาไทยได้อย่างรวดเร็วและได้บวชเป็นสามเณรเมื่อ อายุได้ 15 ปีตอนที่ท่านบวชเป็นสามเณรนี้เองบิดาจึงถวายลูกแก้วประจำตัวคืนให้แก่ท่าน ด้วยความที่สามเณรปูเป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ตลอดเวลา สมภารจวงได้นำไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือขั้นที่สูงขึ้นสมัยนั้นเรียกว่า มูลบทบรรพกิจกับสมเด็จพระชินเสนซึ่งเป็นพระเถระชั้นสูงที่ส่งมาจากกรุง ศรีอยุธยาให้มาครองเป็นเจ้าอาวาสวัดสีคูยังหรือวัดสีหยังในปัจจุบันห่าง จากวัดดีหลวงไปทางเหนือประมาณ 4 กิโลเมตรสามเณรปูเรียนรู้และจบหลักสูตรได้อย่างรวดเร็วจากนั้นได้เดินทาง เข้ามาศึกษาต่อที่เมืองนครศรีธรรมราช โดยมาพำนักอยู่ที่วัดเสมาเมืองซึ่งเป็นสำนักเรียนและมีสมเด็จพระมหาปิยะทัส สีเป็นเจ้าอาวาสและบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุครบกาลอุปสมบทและได้ ฉายาว่า “สามีราโม"โดยเอาเรือ 4 ลำ มาเทียบขนานเข้าเป็นแพทำญัตติ ณ คลองที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ต่อมาชาวบ้านจึงพากันเรียกคลองนี้ว่า คลองท่าแพมาจนทุกวันนี้หลังจากนั้นได้ศึกษาวิชาต่อที่กรุงศรีอยุธยาเพราะ เป็นที่รวมของสรรพวิชาต่างๆ โดยไปขอโดยสารเรือสำเภาของนายอินที่นำสินค้าไปขายในเมืองหลวงเป็นประจำแต่ อยู่ดีๆวันหนึ่งขณะเดินทางเกิดพายุพัดจัดลมแรงมากจึงต้องลดใบเรือลงเพื่อรอ คลื่นลมสงบทำเอาเวลาล่วงเลยไปหลายวันเลยทำให้อาหาร น้ำดื่มไม่พอกินพอใช้ โดยเฉพาะน้ำจืดสำคัญที่สุดบรรดาลูกเรือไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนทุกคน ลงความเห็นว่าเกิดอาเพศจากที่มีพระภิกษุสงฆ์โดยสารมาด้วยจึงตกลงกันว่าจะส่ง พระภิกษุปูขึ้นฝั่งโดยพายเรือเล็กพร้อมลูกน้องนายอิน 2 คนไปส่งท่านให้ถึงฝั่งขณะที่นั่งอยู่ในเรือนั้นพระภิกษุปูจึงบริกรรมคาถาและ อธิษฐานจิต แล้วยื่นเท้าออกไปข้างกาบเรือลำเล็กแกว่งน้ำให้เป็นวงแล้วบอกให้ลูกเรือทั้ง 2 คนเอามือกวักชิมน้ำดูปรากฏว่าน้ำทะเลกลับกลายเป็นน้ำจืด ทั่งสองต่างดีใจรีบตักน้ำใส่โอ่งใส่ไหลูกเรือทุกคนหายโกรธพระภิกษุปูและ นิมนต์ขอให้ท่านร่วมเดินทางต่อจนถึงกรุงศรีอยุธยา
สมัยนั้นกรุงศรีอยุธยา เป็นเมืองหลวงของไทย มีความเจริญรุ่งเรือง มีวัดวาอารามใหญ่โต นายอินได้นิมนต์พระภิกษุปูให้เข้าจำวัดในเมืองหลวงแต่ทว่าท่านถือสันโดษจึง ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดแค ทางทิศตะวันออกของกรุงศรีอยุธยาตามประวัติเก่าแก่กล่าวไว้ว่า หลวงพ่อทวดท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในกรุงศรีอยุธยานานถึง 9ปี ตอนนั้นมีอายุเพียง 32 ปี
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 9 ] Thu 1, Aug 2013 13:56:20
|
|
|
|
ซึ่งแบ่งออกเป็น ๗ คัมภีร์แต่เหตุที่นำหัวใจพระยันต์นี้มาบรรจุในหลังเหรียญเนื่องด้วยตามตำนาน ช่วงที่พระภิกษุปูหรือหลวงปู่ทวดโด่งดังเป็นที่รู้จักในรัชสมัยของพระเอกาทศ รถนั้นพระเจ้าวัฏฏะคามินี แห่งประเทศลังกา ต้องการยึดครองกรุงศรีอยุธยาไว้ในอำนาจแต่ไม่ต้องการที่จะออกศึกให้เสีย เลือดเนื้อจึงคิดกลอุบาลด้วยการท้าพนันแปลธรรมะจึงนำทองคำจากท้องพระคลัง แล้วนำไปหลอม หล่อเป็นตัวอักษรบาลีเล็กเท่าใบมะขาม ตามพระอภิธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์จำนวน 84,000 ตัว จากนั้นก็ทรงรับสั่งให้พราหมณ์ผู้เฒ่า 7 คน เดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับปริศนาธรรมของพระองค์ เมื่อพราหมณ์ทั้งเจ็ดเดินทางลุล่วงมาถึงกรุงศรีอยุธยาเข้า เฝ้าถวายพระราชสาส์นของกษัตริย์ตนแก่พระเจ้าเอกาทศรถมีใจความในพระราชสาส์น ว่า... “พระเจ้ากรุงลังกาขอท้าให้พระเจ้ากรุงสยามทรงแปลและเรียบเรียงเมล็ดทองคำตาม ลำดับให้เสร็จภายในกำหนด 7วันนับแต่วันที่ได้รับพระราชสาส์นนี้เป็นต้นไปถ้าทรงกระทำไม่สำเร็จตาม สัญญาก็จะยึดกรุงศรีอยุธยาให้อยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพของพระองค์และทางกรุง สยามจะต้องส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองอีกทั้งเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงลังกา ตลอดไปทุกๆ ปีเยี่ยงประเทศราชทั้งหลาย”ซึ่งพระเจ้าเอกาทศรถพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวิตกกังวลเป็นอย่างมากครั้นในคืนที่ 6 ทรงเข้าพระบรรทมและพระสุบินว่าได้มีพระยาช้างเผือกลักษณะบริบูรณ์เฉกเช่น พระยาคชสารเชือกหนึ่งเดินทางมาจากทางทิศตะวันตกเยื้องย่างเข้ามาในพระราช นิเวศน์แล้วก้าวเข้าไปยืนผงาดตระหง่านบนพระแท่นพลางเปล่งเสียงโกญจนาทด้วย อำนาจของพระยาคชสารกึกก้องไปทั่วทั้งสี่ทิศทำให้พระองค์ทรงสะดุ้งตื่นจากพระ บรรทม รุ่งเช้าทรงรับสั่งถึงพระสุบินนิมิตประหลาดให้โหรหลวงฟังและได้รับการกราบ ถวายบังคมทูลว่า“เรื่องนี้หมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์และพระบรมเด ชานุภาพจะแผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศเป็นที่เกรงขามแก่อริราชทั้งปวงทั้งจะมีพระ ภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งจากทางทิศตะวันตกมาช่วยขันอาสาแปลและเรียบเรียงตัวอักษร ทองคำปริศนาได้สำเร็จ”เมื่อได้ฟังดังนั้นพระองค์จึงรับสั่งให้ข้าราชบริพาร ทั้งมวลออกตามหาพระภิกษุรูปนั้นทันที
จนไปพบพระภิกษุปู หรือหลวงพ่อทวด ที่วัดราชานุวาส และเมื่อได้ไต่ถามได้ความว่าท่านมาจากเมืองตะลุงจึงใคร่ขอนิมนต์ให้หลวงพ่อ ทวดไปช่วยแก้ปริศนาธรรมเมื่อครั้นหลวงพ่อทวด ตามสังฆการีไปยังที่ประชุมสงฆ์ ณ ท้องพระโรงพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้ปูพรมให้ท่านนั่งในที่อันควร หนังสือตำนานบางเล่มกล่าวว่า...ตอนนี้พระภิกษุปู แสดงอาการประหลาดคือเอนกายลงนอนท่าตะแคงสีหไสยาสน์ แล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง ต่อมาก็กระเถิบไปข้างหน้า 5 ครั้งจากนั้นก็นั่งยังที่เดิม ทำให้พราหมณ์ทั้ง 7 คนหัวเราะ และดูหมิ่นหลวงพ่อทวดรีบจึงนำบาตรใส่อักษรทองคำเข้าไปประเคนเมื่อหลวงพ่อทวด ได้รับแล้วก็ค่ำบาตรเทอักขระยันต์ทองคำออกมาแล้วเริ่มต้นเรียงอักษรตามลำดับ ตามพระคัมภีร์โดยไม่รอช้า สักพักเดียวก็เสร็จ แต่อักขระยันต์ขาดหายไป 7 ตัวคือคำว่า สัง วิธา ปุ กะ ยะ ปะ ท่านจึงทวงถามเอาที่พราหมณ์ผู้เฒ่าทั้ง 7 ว่าเอาอักขระยันต์มาไม่ครบแอบซุกซ่อนไว้ที่จุกมวยผม ทำให้พราหมณ์ทั้ง 7 คนต่างตกใจไม่คิดว่ากรุงศรีอยุธยาจะมีพระภิกษุเก่งกล้าเช่นนี้จึงยอมแพ้ อย่างราบคาบ
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 11 ] Thu 1, Aug 2013 13:57:25
|
|
|
|
พระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงพระ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถวายทรัพย์สมบัติแก่หลวงพ่อทวดแต่ท่านไม่ยอมรับเนื่องจากท่านเป็นสมณะ พระองค์จึงพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็น“พระราชมุนีสวามีรามคุณูปมา จารย์”ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และหลังจากนั้นกรุงศรีอยุธยาเกิดโรคห่าระบาดขึ้นอย่างร้ายแรงไปทั่วเมืองผู้ คนล้มตายราวใบไม้ร่วงไม่มียารักษา ประชาชนเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่งสมเด็จพระเอกาทศรถทรงรำลึกถึง หลวงพ่อทวดที่จำพรรษาอยู่ ณ วัดแค จึงมีรับสั่งให้สังฆการีไปนิมนต์ท่านเข้าวังหลวงพ่อทวดได้นำลูกแก้วคู่บุญ บารมีของท่านแช่น้ำแล้วปลุกเสกเป็นน้ำพระพุทธมนต์นำไปประพรมทั่วกรุง ศรีอยุธยาใครเจ็บป่วยก็มาขอน้ำไปดื่มกินปรากฏว่าโรคห่าที่กำลังระบาดไปซบเซา ลงและก็เหือดหายไปในเวลาต่อมาบ้านเมืองกลับสู่ปกติสุข ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่งทรงมีรับสั่งว่าถ้าท่าน ประสงค์สิ่งใดก็ให้ขอแจ้งให้พระองค์ทราบจะจัดถวายอุปถัมภ์ทุกอย่าง
หลวงพ่อทวด เลยถวายพระพรทูลลากลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดของท่านต่อสมเด็จพระเอกาทศรถพระองค์ทรงอาลัยมากแต่มิอาจทรงขัดได้
เมื่อหลวงพ่อทวดเดินทางถึง บ้านเกิดที่สทิงพระ ขณะนั้นท่านมีอายุได้ 80 ปี ก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะห่างจากบ้านเกิดท่านไม่มากนักเมื่อชาวบ้านทราบข่าว ก็ต่างชื่นชมยินดีเลยพร้อมใจกันตั้งฉายานามให้ท่านใหม่ว่าสมเด็จเจ้าพะโคะ เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อวัดครั้นเมื่อจำพรรษาอยู่ก็เห็นความเสื่อมทรุด โทรมมากจึงคิดที่จะบูรณะซ่อมแซมแต่ชาวบ้านแถวนั้นส่วนใหญ่ยากจน เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบจึงรับสั่งข้าราชบริพาร ไปบูรณะวัดจนเสร็จ
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 12 ] Thu 1, Aug 2013 13:57:48
|
|
|
|
ต่อมาภายหลัง หลวงพ่อทวดท่านได้สั่งเสีย กับลูกศิษย์ว่าเมื่อท่านมรณภาพให้นำพระศพท่านไปไว้ที่ วัดช้างให้หรือวัดราษฎร์บูรณะอยู่ที่ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งวัดช้างให้นี้ก็มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันกับหลวงปู่ทวดอีกเช่นกัน แต่จะเกี่ยวเนื่องกันอย่างไรก็จะนำมาเล่าต่อให้อ่านกันนะคะ พร้อมกับเรื่องราวเส้นทางการเดินสายพาเหรียญอิทธิฤทธิ์พระโพธิสัตว์รุ่นนี้ ให้พระเกจิอาจารย์ที่เกี่ยวเนื่องในสายหลวงปู่ทวดร่วมอธิษฐานจิตด้วย
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 13 ] Thu 1, Aug 2013 13:58:12
|
|
|
|
ชุดกรรมการจัดสร้างเพียง 300 ชุดเท่านั้น
ชุดกรรมการจัดสร้างเพียง 300 ชุดเท่านั้น
ชุดกรรมการจัดสร้างเพียง 300 ชุดเท่านั้น
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 17 ] Thu 1, Aug 2013 14:03:44
|
|
|
|
เพิ่งลงรูปพระเกจิอาจารย์ ได้สิบกว่าองค์เอง !!!
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 24 ] Thu 1, Aug 2013 14:10:13
|
|
|
|
สอบถามรายละเอียด 081-3613036 ได้นะคะ
|
|
|
โดย : ต้นน้ำนาข้าว [Feedback +0 -0] [+0 -0] |
|
[ 26 ] Thu 1, Aug 2013 14:12:09
|
|
|
|
|
|
|
|