สำหรับเสือกินปรอทนั้น เมื่อได้มีการประชาสัมพันธ์ออกไปเพียงไม่นาน ก็ถูกแย่งจองกันจนล้น ส่วนมีดปราบหงสานั้นก็ถูกจองเกือบเต็มยอดภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทั้งๆที่ค่าบูชาไม่ใช่น้อย ก็จะไม่ให้จองกันได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อมีดนเรศวรปราบหงสาเล่มครูนั้นขนาดตั้ง ๑๒ นิ้ว แถมทำจากกระดูกช้างซึ่งหายากมากแล้วในปัจจุบัน ท่านสร้างตามตำรามหาศาสตราคมในตำรับพิชัยสงครามแห่งพระนเรศวรเจ้า ซึ่งได้ตกทอดสู่สายวัดกลางบางแก้ว ด้ามบรรจุผงยาจินดามณี ปรอท อุดด้วยชันโรงใต้ดิน ปิดด้วยเหรียญยันต์ตอกโค๊ดและหมายเลข อีกทั้งยังเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกของหลวงปู่เทซึ่งเชื่อว่าต่อไปท่านจะโด่งดังมากที่สุดรูปหนึ่งของฟ้าเมืองไทย เพราะประสบการณ์ในปาฏิหาริย์จากผู้ที่ได้เข้ากราบฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านนั้นเล่าขานกันไม่รู้จักหมด จากมีดครูที่บูชาเล่มละ ๕,๙๙๙ บาท ต่อไปคงจะขยับไปได้ถึงแสน เพราะมีเพียง ๓๒ เล่มเท่านั้น...
มีดปราบหงสานี้ตามตำราไม่ใช่สร้างง่ายๆจึงมีการสร้างน้อยค่าบูชาสูง เพราะการทำนั้นยุ่งยากมีค่าใช้จ่ายมาก เริ่มตั้งแต่วัสดุต้องหาเหล็กสารพัดตรึง เช่น ตรึงปราสาท ตรึงค่าย ตรึงโลงผี เหล็กยอดเจดีย์ เหล็กประตูเมือง เหล็กศาสตราวุธ ฯลฯ มาหล่อหลอม โดยก่อนทำพิธีต้องกำหนดฤกษ์ยามอันเหมาะสม ทำการลงอักขระเลขยันต์บนเพดานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ลงค้อน ลงฟืน ลงสูบ ลงกระโหมด ลงบาตร์ ลงทั่ง ลงคีม เมื่อจะทำนั้นต้องตั้งมณฑลพิธีราชวัตรฉัตรธงวงด้ายสายสิญจน์ ลงยันต์ล้อมมณฑลพิธีทั้ง๘ทิศ ตั้งบายศรีสำรับ ๑ เทียนเงิน เทียนทอง ผ้าขาว ขันล้างหน้า เงินค่ากำนัล ๙ บาท จึงทำแล การสูบเตาหลอมมีดและการตีเหล็กให้เป็นมีดนั้นผู้ที่ทำต้องภาวนาพระคาถาไปตลอด การขัดการลับมีดนั้นก็ต้องจุ่มน้ำว่านยาและว่าคาถาเป่าไปทุกครั้ง ด้ามมีดนั้นก็ต้องบรรจุหัวใจท้าวเวสสุวรรณ และ หัวใจจักรพรรดิ ซึ่งเสกลงในปรอท และบรรจุยารวมทุกตำรับของพระอาจารย์ผู้ที่สร้างมีด ตำราเรียกยารวมนี้ว่ายามุกใหญ่ ในตำรับวัดกลางบางแก้วนั้นบรรจุยาจินดามณี (จุดนี้ผู้เขียนตกหล่นในบทความฉบับที่แล้ว เพราะเพิ่งทราบรายละเอียดจากพระอาจารย์เพิ่มเติมมาว่าท่านต้องบรรจุเม็ดยาจินดามณีให้ถูกต้องตามตำรับด้วย) จากนั้นปิดด้วยชันโรงและเหรียญยันต์ของหลวงปู่เท ตอกโค๊ดและหมายเลขกันการปลอมแปลงหรือสร้างเสริม เหรียญนี้พระอาจารย์ท่านเล่าว่า ปลอมยาก เพราะขอบเหรียญมีขี้กลากเป็นจุดตาย ปลอมไม่ได้เลย ทำเสร็จแล้วจึงปลุกด้วยคาถาปลุกอาวุธ แล้วให้ปราบคือให้เสกด้วยคาถาต่างๆ ตามดีนักแล
ส่วนพุทธคุณและอุปเท่ห์วิธีใช้ประการหนึ่งคณาจารย์โบราณท่านว่าตามแต่จะใช้เถิดสะกดขึ้นเรือนก็ได้ สะกดทัพก็ได้ สะกดคดีความก็ได้ สะกดจิตเรียกใจคนก็ได้ ถ้าเราถือมีดไปด้วยแล้ว ศัตรูมาเท่าไรมันทำร้ายเรามิได้เลย เป็นจังงัง ตัวเราก็อยู่คงด้วย วิเศษนักแล
ส่วนอีกประการหนึ่งท่านว่า ใช้สาปแช่ง ข่มขจัดอัปมงคล ศัตรูผู้ปองร้าย ภูตพรายที่แฝงกายเข้ามาทำอันตรายให้มลายสิ้นไป พลิกผันดวงชะตาจากร้ายให้กลายเป็นดี ทำให้มงคลบังเกิดขึ้นแทน วิชานี้แน่หรือไม่แน่ก็สามารถพลิกฟื้นชะตาของบ้านเมืองให้เป็นเอกราชกลับคืนมาได้ก็แล้วกัน
|