พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
มีข่าวเอิ้นบอก

ตำรับลับ!!!ของหลวงปู่เท สุธมฺโม ศิษย์หนึ่งเดียวของหลวงปู่บุญที่ยังมีชีวิตอยู่


ตำรับลับ!!!ของหลวงปู่เท สุธมฺโม ศิษย์หนึ่งเดียวของหลวงปู่บุญที่ยังมีชีวิตอยู่

   
 

 

หากกล่าวถึงสำนักวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก..หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ พระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา กรุณา   คอยอุปการะพระภิกษุสงฆ์ และสามเณรตลอดจนลูกศิษย์อยู่เป็นนิจตลอดอายุขัยของท่าน   เด็กๆหลายคนได้รับการเลี้ยงดูอบรมสอนสั่งและถ่ายทอดความรู้ต่างจนกระทั่งเติบใหญ่กลายเป็นพระเกจิอาจารย์ตามรอยท่านก็มีอยู่ไม่น้อย อาทิ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่ดี วัดสุวรรณฯ  หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสาผู้เป็นหลานชาย ซึ่งต่างก็มรณภาพตามท่านไปหมดแล้ว แต่ใครเลยจะรู้บ้างว่าเมื่อ ๙๐ ปีที่แล้วยังมีเด็กน่าเอ็นดูและฉลาดหลักแหลมอีกคนหนึ่งที่หลวงปู่บุญเมตตาอุปการะพร้อมทั้งคอยอบรมสั่งสอนกรรมฐานตลอดจนเคล็ดวิชาต่างๆให้ตราบจนท่านมรณภาพลงและในที่สุดเด็กคนนี้ก็ได้ดำเนินตามรอยของหลวงปู่บุญผู้เป็นพระเกจิอาจารย์  ยังคงสงเคราะห์ญาติโยมอยู่ด้วยวัย ๙๙ ปี...ท่านคือ...หลวงปู่เท สุธมฺโม แห่งวัดยี่งอ  อ.ยี่งอ  จ.นราธิวาส พระผู้มากอภิญญา ในสายญาณบารมีของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วและหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด แห่งวัดช้างไห้  ก่อให้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์อย่างมากมาย อย่างกรณีล่าสุด..หลวงปู่เทได้แผ่ญาณบารมีปกป้องคุ้มครองนาวิกโยธินทั้ง ๑๒๐ นายให้ปลอดภัยจากการเข้าโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดน ที่ฐานปฏิบัติการนาวิกโยธินในอ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เรื่องราวจะเป็นอย่างไร?อัศจรรย์ขนาดไหน?โปรดติดตามอ่านรายละเอียดอย่ากระพริบตา...

หลวงปู่เท สุธมฺโม ปัจจุบันอายุ 99 ปี เกิดเมื่อวันอังคาร ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457 (ไม่ตรงกับเอกสารทางราชการเพราะแจ้งเกิดภายหลัง) ณ บ้านบางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เดิมชื่อนายเท  นามสกุลสีบัวงาม เมื่อครั้งเยาว์วัย หลวงปู่เทท่านได้ติดตามหลวงน้าเล็ก พระน้าชายของท่านมาเป็นเด็กวัดอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว  และมีโอกาสได้คอยอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่บุญ เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วในขณะนั้นด้วยความเป็นเด็กน่ารักฉลาดหลักแหลม นิสัยดีไม่เกเร หลวงปู่บุญจึงเมตตาอบรมสั่งสอนการปฏิบัติต่างๆให้ท่านด้วยหวังว่าจะให้ท่านบวชเป็นพระ ส่วนหลวงปู่เทเองก็มีใจฝักใฝ่ทางนี้เหมือนกัน เพราะยิ่งนานวันไปก็ยิ่งซึมซับการปฏิบัติและพระเวทย์วิทยาคมจากหลวงปู่บุญไว้มาก กระทั่งอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์จึงเตรียมตัวอุปสมบท แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเนื่องจากโยมของท่านป่วย ท่านจึงต้องกลับบ้านไปดูแลโยม และต่อมาหลวงปู่บุญก็ถึงแก่มรณภาพอีกจึงทำให้การบวชของท่านต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย ต่อมาชีวิตต้องระหกระเหินเดินทางไปอยู่กับพี่สาวที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส     อำเภอนี้เดิมชื่อ ยีรีงาว์ ซึ่งเป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีขึ้นอยู่มาก ภาษาไทยเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า ว่านน้ำ ต่อมาคำว่า ยีรีงาว์ได้เพี้ยนมาเป็นยี่งอจนถึงปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ในอำเภอนี้มีอาชีพทำการเกษตร แต่หลวงปู่เทหรือนายเทในขณะนั้นหันมายึดอาชีพ รับจ้างทั่วไป ไม่มีภรรยาและครอบครัว ได้แต่คอยช่วยพี่สาวทำมาหากิน โดยท่านก็ไม่ทิ้งการปฏิบัติธรรมกรรมฐานและวิชาที่ร่ำเรียนมาจากหลวงปู่บุญ ทำการเสกเป่ารักษาผู้คนทั่วไปโดยไม่เคยเรียกร้องค่าตอบแทนแต่อย่างใด

 
     
โดย : ต้นน้ำนาข้าว   [Feedback +0 -0] [+0 -0]   Wed 3, Apr 2013 15:03:26
 




 

 

จนกระทั่ง ปี 2505 วิบากกรรมอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงก็มาถึง  ทั้งๆที่นายเทรู้ตัวล่วงหน้า แต่ไม่อาจแก้ไขได้  นายเทป่วยหนักรักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงได้แต่นอนภาวนารอความตาย    จนกระทั่งคืนหนึ่งนายเทได้นิมิตเห็นหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว พระอาจารย์ที่เคยอบรมสั่งสอน ท่านมาบอกให้บวชพระได้แล้ว เมื่อบวชแล้วจะได้นำบุญกุศลมาช่วยให้หายจากโรคร้ายนี้ได้ แต่ตอนนั้นนายเทกลับคิดว่าตัวเองเกิดนิมิตหลอนเพราะกังวลเรื่องอาการป่วยที่เกิดแต่กรรมรักษาอย่างไรก็ไม่มีทางหายจึงยังไม่แน่ใจในนิมิตคืนต่อมานายเทก็เกิดนิมิตอีกแต่ครั้งนี้กลับเห็นหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาบอกให้บวชเช่นกันและยังย้ำว่าหากไม่บวชจะหมดโอกาสสงเคราะห์คนเพราะกำลังจะหมดอายุขัยขณะนั้นนายเทเริ่มคิดอยากทำตามคำแนะนำของหลวงปู่ทั้งสอง แต่ก็พลันคิดต่อไปว่า..ด้วยร่างกายที่อ่อนแอไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ บวชไปอาจเป็นภาระให้พระสงฆ์และสามเณรรอบข้างที่ต้องมาช่วยดูแลพระใหม่อย่างท่านจึงกังวลใจยิ่งนัก ทำให้คิดสับสนวกวนไปมาจนเพลียหลับไป  พอหลับไปสักพักนายเทก็นิมิตเห็นหลวงปู่บุญมาสั่งกำชับอีกครั้ง ให้ทำตามคำแนะนำของหลวงปู่ทวด ถ้าบวชครั้งนี้โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายจะหายไปไม่ต้องกังวลใดๆอีก  แต่บวชแล้วให้เดินตามแนวทางแห่งโพธิสัตย์ เมื่อถึงเวลาให้ช่วยสงเคราะห์ผู้คนตามรอยหลวงปู่ทวด

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 1 ] Wed 3, Apr 2013 15:09:41









 

 

เช้าตื่นขึ้นมาจึงบอกเล่าความฝันให้ญาติๆฟัง พร้อมกับแจ้งว่าตัดสินใจจะบวชตามที่หลวงปู่ทั้งสองแนะนำ ญาติๆต่างก็เห็นด้วย จึงไปเตรียมการอุปสมบทให้ จากนั้นนายเทก็หายวันหายคืนอย่างอัศจรรย์กระทั่งได้อุปสมบทเมื่อวันจันทร์ ที่  6 สิงหาคม  พ.ศ. 2505 ขณะอายุได้ 48 ปีณ วัดบางนรา ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9 โดยมีพระราชสามนต์โมลี วัดบางนรา เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาสเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระวินัยธรแก้ว อาภากโร,พระครูจันทร์ สิริโสภณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ บวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบางนรา นำแนวการปฏิบัติพระกรรมฐานตามแบบฉบับของหลวงปู่บุญที่ได้ร่ำเรียนมาปฏิบัติพัฒนาให้ก้าวหน้ากว่าเดิม คราวนี้สามารถสื่อสารกับกายทิพย์ของหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดได้ตามใจนึก ภายหลังได้รับการชี้แนะจากหลวงปู่ทวด บอกแนวทางการปฏิบัติขั้นสูงให้อีก..ทำให้ท่านพบเจอกับความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย สำเร็จได้ดั่งที่หลวงปู่ทวดสอนสั่ง แถมยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอายุยืนยาวตราบจนปัจจุบันยังสามารถเดินทางล่องหนไปมาซ่อนตัวได้ตลอดเวลา  ยากที่ใครจะติดตามค้นหาได้ทัน ทำให้เรื่องราวของหลวงปู่เทเกือบจะสูญหายไปกับกาลเวลาถ้าหลวงปู่เทไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในวันพิธีมหาพุทธาภิเษก เหรียญเจ้าสัว 2 หน้า(หลวงพ่อบุญช่วยเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วเททองให้วัดท่าเสา) ณ วิหารหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม ในวันที่9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 

การปรากฏตัวของหลวงปู่เทครั้งนี้สร้างความประหลาดใจแก่ผู้ร่วมพิธีเป็นอย่างมากว่า...พระชรารูปนี้เป็นใคร? มาจากไหน? มาได้อย่างไร?ในเมื่อไม่มีใครอาราธนานิมนต์มา ศิษย์ในสายวัดกลางบางแก้วเองก็แทบลืมท่านไปแล้วเพราะท่านย้ายไปอยู่ที่ อ.ยี่งอ นานเกือบ 60 ปีแต่ด้วยความสงสัยของผู้ที่เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก จึงมีคนถามท่านออกไปว่า“หลวงปู่ชื่ออะไร มาจากวัดไหน?” ท่านบอกว่าชื่อเท มาจากวัดยี่งอ จึงทำให้ศิษย์วัดกลางบางแก้วรุ่นอาวุโสนึกถึงท่านขึ้นมาได้  จากนั้นมีคนถามอีกว่า หลวงปู่มาปลุกเสกพระหรือครับ?”  ท่านตอบว่า “  ใช่ ” อีกคนเลยถามต่อว่า “แล้วหลวงปู่รู้ได้อย่างไรว่าจะมีการปลุกเสก?” หลวงปู่ท่านก็ไม่ตอบอะไร แต่กลับชี้ไปที่รูปหล่อหลวงปู่บุญที่ตั้งอยู่ในพระวิหาร ทุกคนจึงเข้าใจตรงกันว่า หลวงปู่บุญคงบอกให้หลวงปู่เทมาร่วมพิธีปลุกเสกนั่นเองจากนั้นพิธีมหาพุทธาภิเษกก็ได้เริ่มขึ้นและดำเนินต่อไปสักระยะ ก็มีฆราวาสผู้เชี่ยวชาญทางสมาธิท่านหนึ่งที่อยู่ในพิธีนี้ด้วย หลุดปากบอกออกมาว่า “ โอ้โห... มีพลังหนักแน่นออกมาจากพระเกจิทางซีกซ้ายของมณฑลพิธี รังสีแปลกสว่างไสวไปทั่ว พอเพ่งมองไปกลับเห็นเป็นหลวงปู่บุญกับหลวงปู่ทวดออกมาจากตัวของหลวงปู่เท”  ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างตื่นเต้นกันอย่างมากว่า...หลวงปู่เทสามารถอัญเชิญหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดมาเสกพระได้จึงทำให้การปลุกเสกครั้งนั้นมีพลังสว่างไสวมากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ และเมื่อจบพิธีมหาพุทธาภิเษก ก็มีปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่ยืนยันคำบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญทางสมาธิที่หลุดปากบอกออกมาว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ได้โม้ นั่นคือเกิดปาฏิหาริย์บนสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากพระประธานถูกเปลวไฟจากเทียนชัยลามเลียอยู่เกือบสองชั่วโมงแต่กลับไม่ไหม้ไฟ (ดังรูปภาพ)  เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม ต้องลุกขึ้นไปดู   พร้อมบอกว่า “มิน่า..เสกไม่ค่อยลง”  พอมีผู้ไปถามท่านเกี่ยวกับคำบอกเล่าของอาจารย์ฆราวาสที่เห็นหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดเดินออกจากองค์หลวงปู่เทมาเสกพระนั้นว่าหลวงพ่ออวยพรท่านเห็นด้วยหรือเปล่า?  คราวนี้หลวงพ่ออวยพรท่านไม่ตอบตรงๆเพราะอาจจะผิดพระวินัยได้ ท่านจึงตอบเป็นนัยๆว่า “งานนี้พระผู้ใหญ่มากันมาก...ขลังจริงๆ” 

[IMG]http://i.imgur.com/ktpETGk.jpg[/IMG]

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 2 ] Wed 3, Apr 2013 15:37:28

 

 

             เหตุการณ์อัศจรรย์เกี่ยวกับหลวงปู่เทยังไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ เพราะหลังจากพิธีปลุกเสกมาสองสามวันศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่เทเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556เขาสังเกตุเห็นหลวงปู่เทท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่อยู่ในสมาธิตลอดทั้งคืนจนเกือบรุ่งเช้าของวันที่ 13  ท่านจึงถอนออกจากสมาธิ ลูกศิษย์จึงได้สอบถามด้วยความสงสัยว่าเมื่อคืนหลวงปู่เป็นอะไร ไม่สบายตัวหรือเปล่า เห็นหลวงปู่อยู่ในสมาธิจนเช้า หลวงปู่ได้แต่เพียงตอบสั้นๆว่า “อยู่ช่วยลูกช่วยหลาน ตอนนี้ปลอดภัยกันหมดแล้ว”ทำให้ลูกศิษย์สงสัยว่าลูกๆหลานๆที่บ้านของท่านเป็นอะไรกันแน่? ก็เลยถามท่านออกไป แต่หลวงปู่ไม่ตอบ  กระทั่งทุกอย่างมากระจ่างขึ้นเมื่อข่าวเช้าทุกช่อง ได้นำเสนอเหตุการณ์ว่าเมื่อประมาณตีหนึ่งของวันที่ 13 ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้าย ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธ RKK ประมาณกว่า 30 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ พยายามบุกโจมตีฐานปฏิบัติการร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่ไกลจากวัดยี่งอ ที่ท่านพักจำพรรษาอยู่ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี นาวิกโยธินทั้ง 120 นายไม่มีใครเป็นอะไรนอกจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ต้องเสียชีวิตลง    จากการตอบโต้ของเจ้าหน้าที่ทหาร

          ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนี้ ยิ่งทำให้พวกลูกศิษย์เชื่อว่าหลวงปู่เท ท่านเป็นพระที่สำเร็จอภิญญา มีอนาคตังสญาณและทิพจักขุ สามารถรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะมีโจรใต้ถล่มฐานทหารแถววัดท่าน แถมหลวงปู่ยังสามารถอัญเชิญญาณบารมีของหลวงปู่ทวดแผ่ไปคุ้มครองนาวิกโยธินทุกนายให้ปลอดภัยได้  ทั้งๆที่ท่านไม่เคยดูข่าวสารหรืออ่านหนังสือพิมพ์แต่หลวงปู่ท่านกลับสามารถรับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า...

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 3 ] Wed 3, Apr 2013 15:45:10





 

 

          ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์อันมากมาย และ อภิญญาฤทธิ์อันมากล้น ของหลวงปู่เท ทำให้หลวงพ่อสัญญาและคณะศิษย์ฯศรัทธาที่จะสร้างวัตถุมงคลถวายหลวงปู่ จึงนำเรื่องไปปรึกษากับท่าน หลวงปู่จึงให้ทำเสือกินปรอทและมีดนเรศวรปราบหงสาเอาไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองป้องกันครอบครัว ท่านบอกว่า เบื้องต้นทำครั้งแรกให้สร้างเอาเคล็ด มีดนเรศวรปราบหงสาให้สร้างจำนวนเท่ากับอาการทั้ง 32 โดยบรรจุปรอทเข้าที่ด้ามปิดด้วยชันโรงใต้ดินให้หลวงพ่อสัญญาลงอักขระที่ใบตามตำรับพิชัยสงครามสายวัดกลางบางแก้ว.. แล้วนำไปให้พระเกจิ 32 รูปปลุกเสกให้ขึ้นเต็มดีก่อน 

          ส่วนเสือกินปรอทนั้นท่านให้สร้างจำนวน 99 ตัวเท่าอายุ(หลวงปู่เกิดปีขาล)โดยทำจากกระดูกสัตว์ใหญ่ที่มีอำนาจเช่นเสือหรือกระดูกช้างเหมือนกับฝักมีดบรรจุปรอทเข้าภายในตัวปิดด้วยชันโรงใต้ดินและท่านไม่ให้ผู้อื่นร่วมปลุกเสกด้วย ท่านจะปลุกเสกเองแต่ผู้เดียว เพราะเสือนี้เป็นสัญลักษณ์แทนตัวท่าน

         จากนั้นท่านจะอัญเชิญญาณบารมีของหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดลงประสิทธิทั้งมีดนเรศวรปราบหงสาและเสือกินปรอทอีกครั้งโดยจะขอมอบให้เฉพาะกับผู้ที่ศรัทธาหลวงปู่บุญหลวงปู่ทวดจริงๆเท่านั้น ใครศรัทธาให้จองไว้...

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 4 ] Wed 3, Apr 2013 15:48:22









 

 

สำหรับเสือกินปรอทนั้น เมื่อได้มีการประชาสัมพันธ์ออกไปเพียงไม่นาน ก็ถูกแย่งจองกันจนล้น ส่วนมีดปราบหงสานั้นก็ถูกจองเกือบเต็มยอดภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทั้งๆที่ค่าบูชาไม่ใช่น้อย  ก็จะไม่ให้จองกันได้อย่างไรล่ะ  ในเมื่อมีดนเรศวรปราบหงสาเล่มครูนั้นขนาดตั้ง ๑๒ นิ้ว แถมทำจากกระดูกช้างซึ่งหายากมากแล้วในปัจจุบัน ท่านสร้างตามตำรามหาศาสตราคมในตำรับพิชัยสงครามแห่งพระนเรศวรเจ้า ซึ่งได้ตกทอดสู่สายวัดกลางบางแก้ว ด้ามบรรจุผงยาจินดามณี ปรอท อุดด้วยชันโรงใต้ดิน ปิดด้วยเหรียญยันต์ตอกโค๊ดและหมายเลข อีกทั้งยังเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกของหลวงปู่เทซึ่งเชื่อว่าต่อไปท่านจะโด่งดังมากที่สุดรูปหนึ่งของฟ้าเมืองไทย เพราะประสบการณ์ในปาฏิหาริย์จากผู้ที่ได้เข้ากราบฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านนั้นเล่าขานกันไม่รู้จักหมด  จากมีดครูที่บูชาเล่มละ ๕,๙๙๙ บาท ต่อไปคงจะขยับไปได้ถึงแสน เพราะมีเพียง ๓๒ เล่มเท่านั้น...

            มีดปราบหงสานี้ตามตำราไม่ใช่สร้างง่ายๆจึงมีการสร้างน้อยค่าบูชาสูง เพราะการทำนั้นยุ่งยากมีค่าใช้จ่ายมาก เริ่มตั้งแต่วัสดุต้องหาเหล็กสารพัดตรึง เช่น ตรึงปราสาท ตรึงค่าย ตรึงโลงผี เหล็กยอดเจดีย์ เหล็กประตูเมือง เหล็กศาสตราวุธ ฯลฯ มาหล่อหลอม โดยก่อนทำพิธีต้องกำหนดฤกษ์ยามอันเหมาะสม ทำการลงอักขระเลขยันต์บนเพดานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ลงค้อน ลงฟืน ลงสูบ ลงกระโหมด ลงบาตร์ ลงทั่ง ลงคีม เมื่อจะทำนั้นต้องตั้งมณฑลพิธีราชวัตรฉัตรธงวงด้ายสายสิญจน์ ลงยันต์ล้อมมณฑลพิธีทั้ง๘ทิศ  ตั้งบายศรีสำรับ ๑ เทียนเงิน เทียนทอง  ผ้าขาว ขันล้างหน้า เงินค่ากำนัล ๙ บาท จึงทำแล การสูบเตาหลอมมีดและการตีเหล็กให้เป็นมีดนั้นผู้ที่ทำต้องภาวนาพระคาถาไปตลอด การขัดการลับมีดนั้นก็ต้องจุ่มน้ำว่านยาและว่าคาถาเป่าไปทุกครั้ง ด้ามมีดนั้นก็ต้องบรรจุหัวใจท้าวเวสสุวรรณ และ หัวใจจักรพรรดิ ซึ่งเสกลงในปรอท และบรรจุยารวมทุกตำรับของพระอาจารย์ผู้ที่สร้างมีด ตำราเรียกยารวมนี้ว่ายามุกใหญ่ ในตำรับวัดกลางบางแก้วนั้นบรรจุยาจินดามณี (จุดนี้ผู้เขียนตกหล่นในบทความฉบับที่แล้ว เพราะเพิ่งทราบรายละเอียดจากพระอาจารย์เพิ่มเติมมาว่าท่านต้องบรรจุเม็ดยาจินดามณีให้ถูกต้องตามตำรับด้วย)  จากนั้นปิดด้วยชันโรงและเหรียญยันต์ของหลวงปู่เท ตอกโค๊ดและหมายเลขกันการปลอมแปลงหรือสร้างเสริม เหรียญนี้พระอาจารย์ท่านเล่าว่า ปลอมยาก เพราะขอบเหรียญมีขี้กลากเป็นจุดตาย ปลอมไม่ได้เลย ทำเสร็จแล้วจึงปลุกด้วยคาถาปลุกอาวุธ  แล้วให้ปราบคือให้เสกด้วยคาถาต่างๆ ตามดีนักแล

            ส่วนพุทธคุณและอุปเท่ห์วิธีใช้ประการหนึ่งคณาจารย์โบราณท่านว่าตามแต่จะใช้เถิดสะกดขึ้นเรือนก็ได้ สะกดทัพก็ได้ สะกดคดีความก็ได้ สะกดจิตเรียกใจคนก็ได้ ถ้าเราถือมีดไปด้วยแล้ว ศัตรูมาเท่าไรมันทำร้ายเรามิได้เลย เป็นจังงัง ตัวเราก็อยู่คงด้วย วิเศษนักแล

            ส่วนอีกประการหนึ่งท่านว่า ใช้สาปแช่ง ข่มขจัดอัปมงคล ศัตรูผู้ปองร้าย ภูตพรายที่แฝงกายเข้ามาทำอันตรายให้มลายสิ้นไป พลิกผันดวงชะตาจากร้ายให้กลายเป็นดี ทำให้มงคลบังเกิดขึ้นแทน วิชานี้แน่หรือไม่แน่ก็สามารถพลิกฟื้นชะตาของบ้านเมืองให้เป็นเอกราชกลับคืนมาได้ก็แล้วกัน

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 5 ] Wed 3, Apr 2013 15:52:11





 

เคล็ดการใช้มีดนเรศวรปราบหงสาตามตำรับลับ (คัดลอกมาจากตำราของหลวงปู่)

ถ้าปรารถนาให้ลาภ ให้เขาเอาข้าวของมาให้ ให้ปลุกเสกมีดดังกล่าวมา จึงเอาใบพลับพลึงมาแล้วลงชื่อคนทั้งหลายในใบพลับพลึง แล้วเอาใบพลับพลึงวางลงในขันสำริด แล้วเอามีดวางบนปากขันนั้นแล้วจึงจุดเทียนบูชาด้วยคาถานี้ ยังยังอิจฉะสิตังตังเรภะติวาราชาจิตตัง อะนุวัตตะติ สัจเจคะหะปะติโก ตัสสานุภาเวนะ เขตตะวัตถุธนะธัญญาทาสะมิทโธโหตุ เอวังมหานุภาโวมันโตโหตุ ฯ ชักประคำให้ได้ ๑๐๘ ทำ ๗ วัน มีผู้เอาของมาให้แก่เราแล อนึ่งจะให้เนื้อความสูญท่านให้เอาใบจากมาแล้ว ท่านให้เอาเหล็กจานเขียนชิอศัตรูลงไปในใบจากให้สิ้นแล้ว ท่านให้นั่งผินหน้าไปทางทิศตะวันตก ทำเมื่อเวลาพระอาทิตย์ใกล้จะตกเวลาเย็นจึงเอามีดสับใบจากให้แหลก ภาวนาพรางด้วยคาถานี้ พุทธังปัจจักขาสิสูญ ธัมมังปัจจักขาสิสูญ สังฆังปัจจักขาสิสูญ ฯ ครั้นใบจากแหลกแล้วเอาเผาไฟเถิด แล้วจึงขอสาบานตามความปรารถนาเถิด ทำ ๓ วัน ความสูญแล ทำ ๕ วันศัตรูฉิบหาย ทำ ๗ วันศัตรูตายแล อนึ่งแม้จะเดินทางไกล จะใคร่รู้ว่าเราไปนั้นจะมีลาภหรือจะมีภัยประการใด ท่านให้เอาเทียน ๙ เล่ม ธูป ๙ เล่ม ดอกไม้ ๙ ดอก แล้วจึงเอามีดปลุกแล้วบูชาด้วยข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน แล้วตั้งอธิษฐานขอจะใคร่รู้เถิด ครั้นถึงเวลากลางคืนเทพดาก็แสร้งบันคาลบอกเหตุบอกผลให้รู้ตามปรารถนาแล แม้จะแก้คุณลมเพลมพัด ท่านให้เอามีดมาทำเหมือนหนหลัง แล้วเอามีดลงสรงน้ำในบาตร์ให้ได้ ๙ หน จึงว่าคาถาดังนี้ สัตถา ฯ ให้ได้ ๙ หน แล้วจึงเอาน้ำอาบกินหายแล ฯ อนึ่งถ้าจะทำให้เป็นกำบัง ให้นั่งในที่ลับแต่ผู้เดียว แล้วท่านให้เอามีดมาปลุกเสกแล้วท่านให้เอาใบชุมแสง ๕ ใบลงด้วยคาถานี้ ปะติลิยะติ ฯ แล้วใส่พกไว้เอามีดวางบนตักเรา แล้วบูชาด้วยธูปเทียนดอกไม้แล้วให้ภาวนาดังนี้ รูปังสูญญัง อะนัตตา ฯ เมื่อจะทำ ๆ กลางคืน ภาวนากว่าเงาจะหาย ครั้นเงาหายแล้วเดินไปเถิด ภาวนาอย่าให้ขาดคนมิเห็นเราเลย อนึ่งแม้จะรักษาไข้ ท่านให้เอาน้ำใส่บาตร์ ๙ บาตร์ แล้วเอาเทียน ๙ เล่มติดทุกบาตร์ แล้วเอามีดปลุกเสกใส่ในบาตร์ ๆ ละ ๙ ที แล้วเอาน้ำในบาตร์อาบกินหายแล แต่เมื่อจะทำให้เอาบัวหลวงใส่ลงในทุกบาตร์แล อนึ่งจะให้คนแปลกไม่รู้จักเรา ท่านให้เอามีดปลูกเสกด้วยคาถานี้ มุโขมูฬโห รูปังมูฬหัง ฯ เสกให้ได้ ๙ ที แล้วเอามีดนั้นถือไปเถิด ศัตรูมิรู้จักเราเลย เห็นเรามิใช่เรา สำคัญว่าอื่น แม้นจะให้เป็นจังงัง ท่านให้เอามีดมาปลุกเสกด้วยคาถานี้ นะจังงัง โมจังงัง พุทกำบัง ธาหนังเหนียว ยะล้อมตัว อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ ฯ เอามีดถือไปเป็นจังงัง อยู่คงแคล้วคลาดแล ฯ แม้นจะสะกดค่ายข้าศึกให้หลับสิ้น ท่านให้เอาขี้เถ้าพรายมา ๙ กำมือ เอามาปลุกเสกแล้วเสกด้วยคาถามหานิทรา ๙ ที แล้วเอาขี้เถ้าพรายนั้นปรายเข้าไปในค่าย ๙ ที ข้าศึกหลับสิ้นแล เมื่อจะเปิดทวารท่านให้เสกมีดด้วยพระคาถานี้ โอมกูจะเบิกทวารบานประตู วิมานฟ้า วิมานดิน วิมานอินทร์ วิมานพรหม สารพัดลุ่ย สวาหะ โอมพระยาหนุมนเผยช่องให้กูเดิน พุทธังกระจาย มังกระจาย สังฆังกระจาย นะกระจาย โมกระจาย พุทกระจาย ธากระจาย ยะกระจาย กระจายวาหะ โอมพระหนุมานกำจัด กำจายสวาหะ ฯ แม้นจะหนีศัตรูมิให้ศัตรูตามเราทัน ท่านให้กลั้นใจเก็บใบไม้ ๙ ใบ แล้วกลั้นใจเอามีดตัดใบไม้ให้ได้ ๓ ท่อน บริกรรมด้วย อะสังวิสุโลปุสะพุพภะ ฯ เอาใบไม้นั้นทิ้งไว้กลางทาง ศัตรูมาถึงที่นั่นหลงทางกลับเสียแล อนึ่งแม้นเราจะเดินทาง เราจะหยุดนอนที่ใด ๆ ให้เอามีดมาปลุกเสกด้วยกรวดทราย แล้วให้เอาทรายนั้นปรางไว้ให้รอบ แล้วอธฺษฐานไว้ว่าแม้นศัตรูจะมาทำร้ายแก่ข้าพเจ้าขอให้บันดาลกรวดทรายเหล่านี้จงเป็นอสรพิษไล่กัดศัตรูเถิด ถ้าศัตรูมาในเวลากลางคืน เห็นเป็นคนมากนายแล อนึ่งแม้นว่าเขายืมข้าวของ ๆ เราไป เรากลัวของเราจะสูญ ท่านให้เอามีดมาปลุกเสก แล้วเอามีดมาสรงน้ำ แล้วเอาน้ำมันมารดสิ่งของ และจึงให้เข้าไป ของนั้นจะไม่สูญเลยด้วยอานุภาพมีดนั้นแล ฯ แม้นจะให้ศัตรูฉิบหายท่านให้เอากระเบื้องบาตร์ดินมาแล้ว จึงเอามีดปลุกเสก แล้วเอาปลายมีดนั้นขีดลงในกระเบื้องบาตร์ดินนั้น ๙ ที แล้วจึงเอามาตำให้ละเอียด ล้วจึงเสกด้วยคาถานี้ พุทธังปัจจักขาสิมรณัง ธัมมังปัจจักขาสิมรณัง สังฆังปัจจักขาสิมรณัง ฯ ให้ได้ ๙ ทีแล้วจึงเอาไปชัดปรายที่เรือนศัตรู ศัตรูนั้นฉิบหายแล ตายโหงเป็นอันตรายต่าง ๆ แล ฯ อนึ่งแม้นจะปลูกฟักแฟงแตงและจะทำนาและหว่านข้าวก็ดี ท่านให้เอามีดมาปลุกเสก แล้วเอาสรงน้ำ จึงเสกด้วยคาถานี้ยัมพุทธเสฎโฐ ปริวัณณยี สุจิง ฯ ท่านให้เสก ๙ ทีแล้วจึงเอาน้ำมารดข้าวปลูกฟักแฟงทั้งปวงแล้วเอาไปปลูกเถิดงามเถิดผลดีนัก ฯ อนึ่งถ้าจะค้าขายของท่านให้เอามีดมาปลุกเสกเอาน้ำมาใส่ในขันสำริดลง แล้วเอาแป้งหอม ๙ เม็ด ใส่ลงในน้ำแล้ว จึงเอามีดนั้นสรงน้ำในขันแล้วเอาน้ำนั้นพรม สินค้าขายดีนักแล อนึ่งแม้นจะปลูกเรือนให้อยู่เย็นเป็นสุขให้เอาน้ำใส่ขันสำริด ท่านให้เอาหญ้าคา ๙ ต้น ใบพุทธรักษา ๙ ใบ มะตูม ๙ ใบ ใส่ลงในน้ำแล้วจึงเอามีดมาสรงน้ำ แล้วเอาน้ำมารดที่ปลูกเรือน รดเสาและรดไม้เครื่อง ปลูกเรือนอยู่เถิดเรือนนั้นอยู่เย็นเป็นสุข แลปราสจากโรคภัยทั้งปวง อนึ่งแม้นจะให้คุ้มเคหาบ้านเรือน เมื่อจะกินอาหารในวันเสาร์และวันอังคารให้บูชามีดด้วยเข้าปลาอาหาร แล้วจึงสั่งว่าถ้าขโมยหรือโจรมาทำร้ายแก่เราให้บอกด้วย ถ้าศัตรูมาเรานอนหลับก็ให้ปลุกเรา...

 

ส่วนมีดนเรศวรปราบหงสาเล่มครูของหลวงปู่เทนั้น นอกจากจะมีพุทธคุณตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว หลวงปู่ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเป็นมีดนิรันตรายอยู่ในสนามรบเล่มเดียวคุ้มครองทั้งกองทัพ อยู่บนเรือนเล่มเดียวคุ้มครองทั้งตระกูล เพราะท่านอัญเชิญหลวงปู่ทวดลงประสิทธิให้ หลวงปู่ทวดนั้นท่านรู้วิชานี้ดี เพราะท่านเกิดในแผ่นดินพระนเรศวรและยังได้ไปเรียนที่กรุงศรีอยุธยาโดยพำนักอยู่ที่วัดแคจนสำเร็จแล้วจึงกลับมาที่ปัตตานี

            ประกอบกับหลวงปู่เทให้นำมีดฯทั้งหมด ๓๒ เล่มไปให้เกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณ ๓๒ รูป ปลุกเสกมาก่อน(ตามรูป)  โดยระหว่างที่มีการนำพามีดไปปลุกเสกนั้น พระเกจิอาจารย์แต่ละรูปก็มักจะบ่นว่าแรง ลงยาก(ถึงขนาดหลวงปู่วาสไม่ยอมลง) รูปก่อนหน้าเขาทำมาดี ขึ้นดี โดยเฉพาะหลวงปู่ต่อ เจ้าอาวาสวัดเขาแก้ว อายุ ๙๔ ปี ศิษย์เอกหลวงพ่อกันตัวจริง (หลวงพ่อกันเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเดิม) ถึงกับกล่าวว่า ขนาดอยู่กับหลวงพ่อกันมาตลอด แต่ยังไม่เคยพบมีดที่ดีเช่นนี้มาก่อนเลย เมื่อพระเกจิอาจารย์ ๓๒ รูปลงครบอาการแล้ว หลวงปู่เทท่านจึงอัญเชิญหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดลงประสิทธิ์ปิดวิชาเป็นลำดับสุดท้ายให้เป็นมีดนิรันตรายสมดังคำท่านกล่าว 



 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 6 ] Wed 3, Apr 2013 16:33:36

 

ความจริงอยากให้ดูภาพใหญ่กว่านี้ แต่ขนาดของภาพใหญ่เกินไปไม่สามารถโพสได้ จึงต้องลดขนาดลง ขออภัยจริงๆ

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 7 ] Wed 3, Apr 2013 16:40:36





 
 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 8 ] Wed 3, Apr 2013 21:27:52

 

ส่ง นายโชตินรินท์ กุลบุริศร์โอฬาร สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ (แห่งที่ 1) ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000 โทร 087-0183559

 
โดย : ชมพระ    [Feedback +10 -0] [+0 -0]   [ 9 ] Thu 4, Apr 2013 22:13:10

 

บันทึกการจองเรียบร้อยแล้วจ้าา

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 10 ] Sat 6, Apr 2013 13:29:04









 

ด้ามมีดนเรศวรปราบหงสา นำภาพมาให้ดูกัน ให้ตื่นเต้นเล่นๆครับ อิอิemo_3

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 11 ] Mon 8, Apr 2013 12:20:52









 

ชุดกรรมการเสือทาชาดลงทอง ในชุดประกอบด้วย เสือทาชาดลงทอง (ลงอักขระยันต์โดยหลวงพ่อสัญญา ศิษย์สายตรงแห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว และเป็นหนึ่งในศิษย์ของหลวงปู่เทที่สืบทอดตำรับลับมาจากท่านหลายตำรับ ) และลูกแก้วสารพัดนึก วัตถุมหามงคลที่หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดท่านพกติดตัวอยู่ตลอด และได้ใช้ลูกแก้วสารพัดนึกนี้ทำน้ำมนต์รักษาผู้ที่เป็นโรคห่า ในภาวะโรคห่าระบาดในยุคสมเด็จพระเอกาทศรถ จนบ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัย ซึ่งลูกแก้วนี้หลวงปู่เทได้มีไว้เป็นของติดตัวท่านอยู่ตลอดเช่นกัน เนื่องจากหลวงปู่สัมผัสกับญาณบารมีของหลวงปู่ทวดได้เมื่อครั้งที่ท่านป่วยหนักจนเพื่อนนำพระหลวงปู่ทวด 2 หน้ามามอบให้ไว้ปกปักษ์คุ้มครอง และหลวงปู่เทท่านก็ได้นิมิตเห็นหลวงปู่ทวดเดินออกมาจากพระหลวงปู่ทวด 2 หน้าองค์นั้น โดยมาบอกให้หลวงปู่เทบวช แล้วโรคที่เป็นอยู่จะค่อยๆหายไป เมื่อหลวงปู่เทปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงปู่ทวดท่านก็หายจากอาการป่วยโดยเร็ววัน หลังจากนั้นก็สามารถสื่อสารกับกายทิพย์ของหลวงปู่ทวดได้อย่างใจนึก ภายหลังได้รับการชี้แนะจากหลวงปู่ทวด บอกแนวทางการปฏิบัติขั้นสูงให้อีก..ทำให้ท่านพบเจอกับความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย สำเร็จได้ดั่งที่หลวงปู่ทวดสอนสั่ง รวมทั้งลูกแก้วสารพัดนึกนี้้วยเช่นกันที่หลวงปู่ทวดแนะนำให้หลวงปู่เทพกติดตัวไว้ หากใครมีปัญหามาขอให้ช่วยเหลือ จะได้นำมาช่วยเหลือผู้คนได้ทุกเมื่อ 

ในความศักดิ์ที่มากล้นของลูกแก้วสารพัดนึกนี้เอง  จึงทำให้หลวงปู่เทท่านดำริให้นำลูกแก้วเข้าไว้ในชุดกรรมการเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีไว้บูชากัน 

 
โดย : ต้นน้ำนาข้าว    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 12 ] Mon 8, Apr 2013 12:54:02

 

ได้รับวัตถุมงคล มีดนเรศวรปราบหงสา แล้วครับ ชอบมาก ครับ ขอขอบพระคุณ คุณ ต้นนํ้านาข้าว มา ณ ที่นี่ด้วย ครับ

 
โดย : ชมพระ    [Feedback +10 -0] [+0 -0]   [ 13 ] Thu 18, Apr 2013 22:09:01

 
ตำรับลับ!!!ของหลวงปู่เท สุธมฺโม ศิษย์หนึ่งเดียวของหลวงปู่บุญที่ยังมีชีวิตอยู่ : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.