ท่านเป็นชนเผ่าลัวะ อาศัยอยู่ที่ อ.สันป่าตอง จ.ชม เมื่อท่านอายุได้8ปีบิดา มารดา ของท่านได้เสียชีวิตลง ญาติพี่น้องได้นำท่านไปฝากเล่าเรียนที่วัดบ้านเปียง ค.บ้านแม อ,สันป่าตอง จ.ชม ท่านได้เริ่มศึกษาวิชาคาถาอาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณจากชาวพื้นเมืองในพื้นที่ อายุ11ปีท่านได้บวชเณรที่วัดบ้านเปียง และเรียนวิชา คงกระพัน วิชาแมวดำจากพ่อส่างบ้านกาด วิชาเสือเจ็ดป๊อด ฯลฯ ในช่วงนี้ท่านได้เริ่มทำตะกรุดและสักยันต์โดยเมื่อสักแล้วจะทำการลองวิชากับผู้ที่มาสักจนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว อายุ14ปีท่านสามารถเรียนจบนักธรรมเอก ช่วงนี้ท่านได้ออกเดินธุดงค์ไปทั่วจังหวัดเชียงใหม่ ชายแดนพม่า และสิบสองปันนา อายุ16ปีทานได้ธุดงค์ไปวัดแม่ลาน้อย วัดแม่ลาหลวง จ.แม่ฮองสอน โดยช่วยชาวบ้านทั้งการรักษาด้วยสมุนไพรและทำตะกรุดแจกเพื่อกันภูติผีปีศาจ อายุ17ปีท่านได้ไปเรียนวิชากับ ครูบาสม โอภาโส วัดศาลาโป่งกว๋าว อ,สะเมิง จ.เชียงใหม่ โดยการแนะนำของเสือวงค์บ้านสันป่าตอง ซึ่งเสือวงค์ได้ไปปล้นครูบาสม ที่วัด ท่านครูบาสมจึงเสกเหรียญบาทให้เสือวงค์เอาไปยิงดู โดยท่านบอกว่าถ้าเสือวงค์ยิงออก อยากได้อะไรในวัดก็ให้เอาไป เสือวงค์ยิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก เมื่อเสือวงค์กลับมาจากวัดจึงแนะนำให้ท่านไปหาครูบาสมดังกล่าว ท่านอาจารย์เณรได้ศึกษาวิชา การทำตะกรุดน้ำบ่อห่าง ฟันกำบาท สามสวยหนัง สามสวาต๋อง และการอาบน้ำว่านยาเพื่อความคงกระพัน ท่านตรูบาสมได้แนะนำให้ท่านไปเรียนวิชากับครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน โดยท่านได้เรียนวิชาทำตะกรุดหนังควายตายฟ้าผ่าพอกครั่ง ตะกรุดก่าสะท้อน ฯลฯ อายุ19ปีท่านได้ไปรับใช้ตรูบาดวงดี วัดท่าจำปี โดยท่านช่วยลงตะกรุด การจารเลขยันต์ ทำเทียน ฯลฯ ช่วงนี้ท่านได้ไปศึกษาวิชาที่สำนักเขาอ้อ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่หลวงพ่ออุทัย อุททโย วัดวิหารสูง จ.พัทลุง ได้มาศึกษาด้วย ซึ่งหลวงพ่ออุทัยนี้เป็นที่ร่ำลือกันมากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เกี่ยวกับตะกรุดของท่าน ในด้านกันลูกระเบิดในพื้นที่ ท่านอาจารยํเณรได้สำเร็จวิชา อยู่ยงคงกระพัน มหาอุตม์ เมตตามหานิยม เสร็จแล้วท่านได้เดินทางไปหาท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว ท่านอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หลวงปู่เขียววัดห้วยเงาะ หลวงพ่อสร้อย จ.ตาก ครูบาวัง วัดบ้านเด่นแล้วจึงมาจำพรรษาที่วัดหวลการณ์(สันป่าสัก)ต.หนองแฝก อ.สารภี จ.ชม ช่วงนี้ท่านได้นั้งบนตะปู โดยชาวบ้านที่มาตะใบตะปูให้คมได้แผลที่มือเป็นประจำ จนท่านได้สมยานามว่า 'เณรนั้งบนเหล็กกน' เป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว อายุ21ปีท่านได้ลาสิกขาบทมารับใช้ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านครูบาดวงดีอายุได้98ปีแล้ว ท่านจึงรับหน้าที่ในการเขียนยันต์ คะกรุด ทำเทียน ฯลฯถวายให้ท่านครูบาจนท่านมรณะภาพลง ท่านอาจารย์เณรได้สร้างชื่อเสียงด้านนี้มานานจึงมีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ ทั้งวัดและลูกศิษย์ก็ยังมาติดต่อให้ท่านทำวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังให้อยู่เสมอจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านได้อยู่เบื้องหลังบุคคลอื่นมาโดยตลอดดังนั้นจึงเป็นโอกาศอันดีที่เราจะได้รับทราบความจริงที่ไม่ค่อยมีใครได้รับรู้มาก่อน
ข้อมูลมาแน่นเอียดครับ สุดยอด
แล้วเปิ้นยังอยู่ก่อครับตอนนี้ แล้วยังสร้างวัตถุมงคลอยู่ก่อครับ
ภาพแรกเป็นภาพที่ท่านบวชเณรครับ ส่วนภาพที่สองคือวัตถุมงคลที่ท่านสร้างให้วัดและลูกศิษย์ครับ ท่านอาจารย์เณรยังอยู่ที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ครับ
บางท่านอาจจะถามผมว่าใช่องค์เดียวกันกับท่านอาจารย์เณรวิเศษสิงห์คำไหม ( ผมขออนุญาติอาจารย์ตรงนี้เลยนะครับ) ท่านอ่อนพรรษากว่าท่านอาจารย์เณรวิเศษสิงห์อยู่2ปีครับ ท่านอาจารย์เณรอยู่วัดบ้านเปียง ส่วนท่านอาจารย์เณรวิเศษสิงห์คำ ท่านอยู่สันป่าสัก อ.สันป่าตอง จ.ชม และท่านได้มีส่วนในการสร้างวัวธนูร่วมกันครับแต่ท่านอาจารย์เณร ชอบธุดงค์และศึกษาวิชาท่านจึงไม่อยู่เป็นที่ แต่เมื่อท่านได้มาอยู่ที่วัดหวลการณ์ (สันป่าสัก) อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ท่านจึงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในสมัยนั้นว่ามีสามเณรสองรูปที่เก่งในเรื่องคาถาอาคม การสักยันต์ และการทำเครื่องรางของขลัง ครับ
ขอถามคุณ ant chalaempol ตอนนี้ท่านยังสักยันต์อยู่หรือเปล่าครับ
ท่านจะสักยันต์เฉพาะวันไหว้ครูประจำปี คือวันที่16เม.ย. ของทุกปีแต่บางปีถ้าไม่พร้อมท่านก็จะไม่ทำการสักครับแต่ท่านก็สร้างตะกรุด เช่นก่าสะท้อน ฯลฯอยู่ครับ ล่าสุดก็จะเป็นล๊อคเก็ดรูปเหมือนครูบาชุ่ม วัดชัยมงคล(วังมุย)และครูบาสม วัดศาลาโป่งกว๋าว ซึ่งลูกศิษย์ท่านที่เป็นทหารได้ขอให้ท่านสร้างขึ้นโดยท่านทำการผสมผงและเขียนตะกรุดประจำตัวของทั้งสองครูบา มีผงและเกษาครูบาทั้งสองที่ท่านเก็บไว้ติดไว้ข้างหลังพร้อมตะกรุด นอกนั้นก็มีผงยาจินดามณี ทองจังโก๋มหาอุตม์ งากระเด็น ฯลฯครับ
ด้านล่างเป็นตะกรุดกริ่งโดยด้านข้างจะอุดเทียนชัยมงคลทั้งสองข้าง และที่เลี่ยมพลาสติกกันน้ำเป็นตะกรุดที่ท่านอาจารย์เณรลงยันต์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าและเป็นตะกรุดที่แช่เหล้าขาวตามตำราโบราณครับ