|
หลวงพ่อถันรูปนี้ เป็นคนบ้านอยู่คลองนางโหง ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ในสมัยที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้น ได้มีพระเถระที่ทรงคุณวุฒิอยู่หลายรูป อาทิ เช่น
1. หลวงพ่อปาน (พระครูพิพัฒนิโรธกิจ)
2. หลวงพ่อเรือน (เคยเป็นพระอุปัชฌาย์ที่วัดนี้)
3. หลวงพ่อล่า (เป็นหมอผี หมอน้ำมนต์)
4. พระอาจารย์อิ่ม (อาจารย์สอนวิปัสสนาและอาจารย์ธุดงค์) |
5. หลวงพ่อทอง (พระครูสุทธิรัต)
6. หลวงพ่อลาว (มรณะแล้วไม่มีการเน่าเปื่อยที่ใดเลย)
7. พะอาจารย์บัว
8. พระสมุห์นิ่ม สมัยเป็นสามเณร
1. การปกครอง
ในสมัยหลวงพ่อถันเป็นเจ้าอาวาสนั้นได้แยกกันปกครองเป็นคณะ ๆ ไป คณะหนึ่งมีหัวหน้าคณะรูปหนึ่ง และรองหัวหน้าคณะอีกรูปหนึ่ง ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหัวหน้าคณะก็ตัดสินและรายงานให้เจ้าอาวาสทราบ ทั้งพระเณรตลอดทั้งเด็ก
1. พระครูพิพัฒนิโรธกิจ (หลวงพ่อปาน) กับพระอาจารย์อิ่มเป็นหัวหน้าคณะปกครองในเรื่องการสอนกัมมัฏฐาน และในเมื่อออกพรรษาก็นำพระไปอยู่ปริวาสแล้วออกธุดงค์ ท่านทำอย่างนี้เป็นประจำทุกปี เพราะว่าท่านได้อยู่คณะใหญ่
2. หลวงพ่อเรือนเป็นหัวหน้าคณะ ว่าในเรื่องสอนชีและอุบาสกอุบาสิกาทั่วไป
3. หลวงพ่อล่า เป็นหัวหน้าคณะ ว่าในเรื่องหมอผี หมอน้ำมนต์
4. หลวงพ่อถันเป็นเจ้าอาวาสด้วยเจ้าคณะด้วย ว่าในเรื่องปกครองทั่ว ๆ ไป ตลอดเรื่องเด็ก ขึ้นชื่อหลวงพ่อถันแล้ว รุ่นปู่ รุ่นตา ของข้าพเจ้าต้องสั่นเศียรไปตามกัน ว่าท่านดีจริง ๆ ไม่เลือกว่าจะเป็นลูกท่านหลานเธอทั้งนั้นในเมื่อมีความผิดแล้วต้องถูกเฆี่ยนไปตามกัน พระที่ดุหรือตีสมัยนี้ยังไม่ได้ครึ่งของหลวงพ่อถัน
2. การก่อสร้าง
ในสมัยนี้นับได้ว่าขยายตัวขึ้นมาก เพราะว่าได้มีพระที่ทรงคุณวุฒิหลายรูป อาทิ เช่น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อเรื่อน พระอาจารย์อิ่ม เป็นต้น ทุกองค์สามารถปกครองพระเณรตลอดอุบาสกอุบาสิกาได้เรียบร้อย ได้มีการก่อสร้างขึ้นหลายอย่าง เช่น พระอุโบสถ กุฏิ ศาลาการเปรียญ ทำสะพาน และวัตถุอื่น ๆ อีกหลายอย่าง วัดนี้ในสมัยท่านปกครองนับว่าได้ก้าวไปสู่ความเจริญมาก
3. การศึกษา
มีการศึกษาพระวินัยขันธ์อย่างเดียว และเรียนพระกัมมัฏฐาน ตลอดสวดมนต์ ท่องพระปาฏิโมกข์เป็นของสำคัญมากในสมัยนั้น จึงทำให้พระที่อยู่ต้องได้พระปาฏิโมกข์มากองค์ และสวดมนต์ก็เก่ง เช่น เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน ภาณยักษ์ ภาณพระ เป็นต้น ขึ้นชื่อว่าพระวัดมงคลโคธาวาสในสมัยนั้นแล้ว จะไปวัดใดแล้วต้องมีพระเกรงขามไปหมด ในเรื่องการสวดมนต์หรือพระปาฏิโมกข์ถ้าใครอยู่ถึง 3 พรรษา ไม่จบเจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน หรือพระปาฏิโมกข์ นับว่าปัญญาทึบเต็มที
หลวงพ่อถันได้ปกครองวัดนี้อยู่เป็นเวลานาน พอดีหลวงพ่อปาน (พระครูพิพัฒนิโรธกิจ) ได้จัดการสร้างมณฑปขึ้น เพื่อจะเอาไว้ลอยพระพุทธบาทจำลอง พอการสร้างได้ดำเนินไปถึงขั้นใกล้จะเสร็จเรียบร้อย ก็มีพิธีทำการยกยอดมณฑปขึ้น แต่การทำงานใหญ่ ๆ โต ๆ ในสมัยนั้นถือกันว่ามักจะแรงสมภาร ถ้ายกคำลาการเปรียญ หรือพระอุโบสถตลอดยอดมณฑป สมภารต้องไปให้สุดเสียงกลอง แต่หลวงพ่อถันหาถือเช่นนั้นไม่ ท่านถือกรรมเป็นของสำคัญมากว่าฤกษ์ยาม นับว่าพอยกยอดชิ้นเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ป่วยทันที แต่ชาวบ้านก็เริ่มวิจารณ์ไปต่าง ๆ ว่ายกยอดแรงสมภาร พอดีโรคกายคือความชราของสังขาร ได้เข้ายึดร่างกายของท่านทันที แม้แต่หมอจะมียาดี ๆ ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตของท่านได้ อาการป่วยของท่านเป็นลงรวดเร็วมาก ไม่ยอมให้หมอรักษาทั้งนั้น หมอจะวิเศษสักเพียงใดก็ต้องมรณะแน่ ๆ ท่านได้ภาวนาตลอดเวลา แล้วท่านได้สั่งพระเถระทั้งหมดว่าจงรักษาวัดนี้ไว้ให้ดี แล้วท่านได้มามรณภาพลงในท่ามกลางความอาลัยของภิกษุสามเณรตลอดอุบาสกอุบาสิกา ในสมัยหลวงพ่อถันเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้น นายกลัด บ้านคลองนางโหงเป็นมรรคนายก
ต่อมาบันดาพระเถระพร้อมไปด้วยอุบาสกอุบาสิกาและท่านที่มีเกียรติได้ประชุมปรึกษาหารือกันขึ้นว่า จะเห็นสมควรให้พระรูปใดปกครองวัดนี้ต่อไปแทนหลวงพ่อถัน แต่แล้วในที่ประชุมมีพระครูพิพัฒนิโรธกิจ (หลวงพ่อปาน) หลวงพ่อเลื่อน ตลอดพระอาจารย์อิ่ม พร้อมด้วยประชาชนได้อุปโลกให้พระอาจารย์ทอง ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกของหลวงพ่อปาน ให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสในพระอารามนี้ต่อไป และพระอาจารย์ได้รับความสนับสนุนจากพระอุปัชฌาย์ คือหลวงพ่อปาน และพระกรรมวาจาคือหลวงพ่อเลื่อนเพราะว่าหลวงพ่อปานท่านไม่รับเป็นเจ้าอาวาส (หลวงพ่อปานนี้ ได้รับแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นพระอุปัชฌาย์ด้วย และสัญญาบัตรที่ พระครูพิพัฒนิโรธกิจ เพราะท่านมีดีหลายอย่าง เช่น สอนกัมมัฏฐาน และทางคงกระพันชาตรี ตลอดเวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ