ยิ่งใหญ่ได้เพราะขายวิญญาณให้ปีศาจ?
จูเซปเป้ ตาร์ตินี่กับปีศาจในความฝัน.
การจะได้ดิบได้ดี ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานา แต่ก็มีข่าวเล่าลือกันอย่างลับๆว่ามีใครบางคนที่ใช้ ทางลัดอันลี้ลับในการได้รับความสุข ความมั่งคั่ง หรืออำนาจ ด้วยการยอมขายวิญญาณของตนให้กับ ปีศาจ เพื่อบรรลุความปรารถนาของตน และไทยรัฐ ซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนประจำวันอาทิตย์นี้ ขอนำท่านไปพบกับบรรดาคนสำคัญที่โลกแอบลือกันว่าได้เคยทำสัญญากับปีศาจมาแล้ว
สมเด็จพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่ 2 (Pope Sylvester II)
สมเด็จพระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่ 2 กับปีศาจ.
ท่านมีความรู้กว้างขวาง หลงใหลวิทยาศาสตร์ ของโลกอาหรับ รอบรู้ในวิชาคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ กลศาสตร์ และท่านยังเป็นผู้ประดิษฐ์นาฬิกาลูกตุ้ม ลูกโลกดารา (armillary sphere) และยังนำเลขอารบิกไปเผยแพร่ในยุโรปตะวันตก นอกจาก นี้ ท่านยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ ดนตรี เทววิทยา และปรัชญา
หลังจากมรณะของท่านก็เริ่มมีข่าวลือแพร่กระจายว่า ท่านเป็นนักเวทมนตร์ อีกทั้งเบื้องหลังการเป็นอัจฉริยบุคคลและความสามารถในการ ประดิษฐ์ของท่านเป็นผลลัพธ์ที่ได้มาจากการทำข้อตกลงกับปีศาจ บางตำนานเล่าว่าท่านได้ทำสัญญากับปีศาจหญิงสาวที่ชื่อลาเมอริเดียนา (Meridiana) ที่ช่วยเหลือท่านให้ขึ้นครองตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา (อีกตำนานเล่าว่าท่านได้รับเลือกเป็นสันตะปาปาจากการเล่นลูกเต๋ากับปีศาจ)
นิคโคโล ปากานินี (Nicolo Paganini)
นิคโคโล ปากานินี.
หนึ่งในบุคคลที่มีพรสวรรค์ไวโอลินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาสามารถเล่นแมนโดลินเมื่ออายุเพียง 5 ปี และเริ่มเล่นไวโอลิน เมื่ออายุ 7 ปี ต่อมาก็เริ่ม เล่นต่อหน้าสาธารณชนในขณะอายุ 12 ปี แต่เมื่ออายุ 16 เขามีอาการเจ็บป่วยและเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ก่อนที่จะกลับมาเล่นอีกครั้งจนมีชื่อเสียงโด่งดังขจรขจายไปทั่ว ด้วยเทคนิควิธีการเล่นไวโอลินแบบแปลกๆชนิดที่เรียกว่าไม่มีนักไวโอลินคนไหนเหนือกว่าเขาในเวลานั้น
ด้วยภาพลักษณ์ของปากานินีที่ผอมซีดและชอบใส่ชุดสีดำ ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาทำสัญญากับปีศาจเพื่อแลกกับความสามารถ ซึ่งผู้ชมบางคนได้อ้างว่าเห็นปีศาจช่วยเหลือเขาในระหว่างการแสดง ซึ่งข่าวลือดังกล่าวอาจเป็นเพราะเขาปฏิเสธพิธีรับศีลครั้งสุดท้ายของคริสตจักร ทำให้เมื่อเขาเสียชีวิต ทางโบสถ์จึงปฏิเสธทำพิธีฝังศพทางศาสนา ซึ่งต้องใช้เวลาอุทธรณ์อีกหลายปีกว่าจะได้รับความยินยอม
โจนาธาน มอลตัน (Jonathan Moulton)
จากเด็กฝึกงานทำตู้ที่หันไปร่วมรบกับกองทัพ ที่นิวอิงแลนด์ ในปี 1745 เขาเข้าร่วมรบในสงครามพระเจ้าจอร์จ (King George’s War) และสงครามฝรั่งเศส-อเมริกันอินเดียน (French and Indian War) ต่อมาเขากลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา
ความมั่งมีอันน่าฉงนของโจนาธาน ทำให้เกิดข่าวลือว่าเขาได้ทำสัญญากับปีศาจ ว่ากันว่าปีศาจจะปรากฏตัวเพื่อใส่เหรียญทองเต็มรองเท้าบูตของเขาที่แขวนไว้หน้าเตาผิงในวันแรกของทุกเดือนแต่โจนาธานโลภมาก เลยคิดอุบายตัดพื้นรองเท้าบูต ให้เป็นรูใหญ่เพื่อให้ปีศาจใส่เหรียญยังไงก็ไม่เต็มเสียที และเมื่อปีศาจรู้ว่าโดนโจนาธานหลอก ก็แก้แค้นด้วยการเผาคฤหาสน์ของเขาและทำให้เหรียญทองหายไป
เล่ากันว่าเมื่อโจนาธานเสียชีวิตลง ศพของเขา ก็หายไปจากโลงศพและถูกแทนที่ด้วยกล่องใส่เหรียญ ประทับตรามาร ปัจจุบันนี้หลุมศพของเขาอยู่ตรงไหนก็ยังไม่มีใครทราบ
บาทหลวงเออร์เบน กรานเดียร์ (Father Urbain Gran-dier)
เออร์เบน กรานเดียร์ ถูกลงทัณฑ์ทรมาน.
นักบวชคาทอลิกชาวฝรั่งเศสที่ถูกเผาทั้งเป็น หลังถูกตัดสินในข้อหาใช้เวทมนตร์คาถา เขาทำหน้าที่เป็นนักบวชในโบสถ์ เซนต์ครอย (Saint Croix) ในลูดอง (Loudun) เขาเป็นนักบวชที่มีชื่อเสียในเรื่องละเมิดคำสาบานรักษาพรหมจรรย์ ด้วยเป็นคน มักมากในกาม มีความสัมพันธ์ทางเพศกับสตรีและโด่งดังในเรื่องเจ้าชู้
ใบสัญญาปีศาจของหลวงพ่อเออร์เบน กรานเดียร์.
ในปี 1632 เขาถูกกลุ่มแม่ชีกล่าวหา ว่า มีเวทมนตร์เรียกปีศาจอัสโมดาอี (Asmodai) หนึ่งในปีศาจเจ็ดบาปราคะ เพื่อใช้ทำความชั่ว หลังจากเขาถูกจับและถูกนำตัวไปทรมาน ก็ได้พบหลักฐานที่เชื่อว่าเป็นใบสัญญาที่เขาทำไว้กับปีศาจหลายตัวเป็นภาษาละติน รวมถึงลายเซ็นที่เชื่อว่าเป็นของซาตาน สัญญาระบุว่า เขาจะจงรักภักดีต่อปีศาจและสละความเชื่อต่อศาสนาเพื่อบรรลุข้อตกลงเพื่อให้ได้ผู้หญิงที่ตนต้องการ รวมไปถึงความมั่งคั่งและ ชื่อเสียง ปัจจุบันใบสัญญาเหล่านั้นยังคงเก็บอยู่ในหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศสจนถึงปัจจุบัน
จูเซปเป้ ตาร์ตินี่ (Giuseppe Tartini)
อนุสาวรีย์ จูเซปเป้ ตาร์ตินี่.
นักแต่งเพลงและนักไวโอลินชาวอิตาเลียน มีผลงานประพันธ์เพลงบรรเลงกว่า 400 เพลง ส่วนใหญ่ เป็นเพลงที่ใช้ในโบสถ์ และโอเปร่า ผลงานโดดเด่นมีชื่อเสียงที่สุดคือ เพลงที่ชื่อ “เดวิด ทริล โซนาต้า” (Devil’s Trill Sonata) ที่ใช้เดี่ยวไวโอลินด้วยท่วงทำนองอันร้อนแรง
จุดเริ่มต้นของเพลงดังกล่าว จูเซปเป้ได้เล่าให้ เฌโรม ลาล็องด์ (Jérôme Lalande) นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสฟังว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากปีศาจที่ปรากฏตัวต่อเขาในความฝัน ปีศาจนั้นบรรเลงไวโอลินโซนาต้าบทหนึ่ง ซึ่งไพเราะมากจนเขาแทบลืมหายใจ แต่เมื่อตื่นขึ้นมา เขากลับไม่สามารถจดจำบทเพลงนั้นได้เลย เขาจึงลองแต่งโซนาต้า เพื่อเลียนแบบเพลงในฝัน แม้ว่าเพลงจะสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมมากเท่าใดก็ตาม แต่จูเซปเป้ยังคงผิดหวังที่ผลงานยังห่างชั้นเพลงที่ได้ยินในความฝัน เขาถึงกับกล่าวภายหลังว่า “ผมยอมพังไวโอลินทิ้งและเลิกเล่นดนตรีตลอดไป ถ้าผมได้เป็นเจ้าของบทเพลงนั้น”
โรเบิร์ต จอห์นสัน (Robert Johnson)
นักดนตรีบลูส์ที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกัน มีตำนานเล่าว่า เขาต้องการเป็นนักกีตาร์ที่ยิ่งใหญ่และได้รับ คำแนะนำให้ลองไปที่สี่แยกใกล้ด็อคเคอรี่ แพลน– เทชั่น (Dockery Plan– tation) เวลาเที่ยงคืน ที่นั่นเขาได้พบปีศาจที่มาปรับจูนกีตาร์ของเขา พร้อมกับสอนการเล่นให้สองสามเพลง โดยแลกเปลี่ยน ชีวิตของจอห์นสัน หากเขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงในดนตรีเพลงบลูส์
โรเบิร์ต จอห์นสัน กับกลุ่มควันลึกลับด้านขวา.
ข่าวลือนั้นมาจากการที่ช่วงแรกๆ โรเบิร์ตเป็นเพียงนักดนตรีที่ไม่ประสบผลสำเร็จอะไรเลย ต่อมาเขาก็ได้หายตัวไปและกลับมาพร้อมเทคนิคและการเล่นเหนือชั้นที่ไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนมาจากที่ไหน อีกทั้งเนื้อหาของเพลงส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับซาตานเป็นส่วนมาก
โรเบิร์ต จอห์นสัน เสียชีวิตด้วยวัยเพียงแค่ 27 ปี ด้วยอาการป่วยลึกลับที่ยังเป็นที่ถกเถียงไม่เลิก หลายคนเชื่อว่าปีศาจมาเอาวิญญาณเขาไป แต่ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดคือเขาถูกวางยาพิษในแก้ววิสกี้โดยภรรยาจับได้ว่าเขานอกใจ
โจฮัน เกออร์ก เฟาสต์ (Johann Georg Faust)
โจฮัน เฟาสต์กับปีศาจ.
นักเล่นแร่แปรธาตุพเนจร โหราจารย์และจอมเวทจากเยอรมันยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (หรือยุคเรอเนสซองซ์) ในขณะที่เขาเรียนอยู่มหา’ลัยคราคูฟ (Krakow) สองเพื่อนสนิทของเขา มาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) และ ฟิลิป เมลแอชตัน (Philip Melachton) ได้เป็นพยานในพิธีสัญญาผูกพันเฟาสท์กับปีศาจ ทำให้เขาถูกประณามจากคริสตจักรว่าเขาดูหมิ่นศาสนาและทำสัญญาปีศาจ
โจฮัน เกออร์ก เฟาสต์.
ตำนานชีวิตของเขาได้รับการเขียนเป็นหนังสือ เรื่องราวมีอยู่ว่าเฟาสท์อยากมีชีวิตสุขสบายจึงศึกษาไสยศาสตร์เรียกปีศาจ เขาทำข้อตกลงกับซาตานเพื่อทำให้เขากลับมาเป็นหนุ่มวัย 24 ปีอีกครั้ง แต่ต่อมาเขาก็ไม่พอใจชีวิตที่เป็นอยู่และพยายามจะยกเลิกข้อตกลง ปีศาจจึงได้ฆ่าเขาอย่างทารุณ แต่ความเป็นจริงที่รู้กันก็คือเขาเสียชีวิตเพราะเกิดในขณะทำการทดลองเล่นแร่แปรธาตุ
นักบุญทีโอฟิลุส แห่งอาดานา (St. Theophilus of Adana)
บาทหลวงในศริสต์ศตวรรษที่ 6 ที่มีการกล่าวถึงว่าได้ทำข้อตกลงกับปีศาจเพื่อให้ได้รับตำแหน่ง อีกเรื่องราวของท่านยังเป็นเรื่องที่เก่าเก่าที่สุดของการทำสัญญากับปีศาจ
ทีโอฟิลุสลงนามในสัญญาปีศาจ.
ทีโอฟิลุส เป็นบาทหลวงแห่งอาดานา, คิลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตุรกีในปัจจุบัน ท่านได้รับเลือกเป็นบิชอป แต่ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนท่านจึงสละตำแหน่ง จึงมีผู้อื่นได้รับเลือกแทน แต่แล้วบิชอปคนใหม่กลับถอดถอนตำแหน่งรองบิชอปของท่านออกอย่างไม่ยุติธรรม ทำให้ท่านเสียใจมาก จึงติดต่อหมอผีมาทำพิธีติดต่อกับซาตานเพื่อทำสัญญาปีศาจ โดยลงนามด้วยเลือดของตนเอง โดยแลกกับการละทิ้งพระเยซูคริสต์ และพระแม่มารี ซึ่งปีศาจก็ช่วยทำให้ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นบิชอปสมใจ
ปีต่อมา ทีโอฟิลุสเริ่มหวาดกลัวว่าปีศาจจะเอาดวงวิญญาณไป ท่านสำนึกผิดและได้อธิษฐานต่อพระแม่มารีเพื่อขออภัย หลังจากที่ 40 วันนับจากวันอดอาหาร พระแม่มารีก็ได้ปรากฏตัว และกล่าวตำหนิทีโอฟิลุสขอร้องให้อภัย ซึ่งพระแม่ มารีได้สัญญาว่าจะไกล่เกลี่ยกับพระเจ้าให้
เขาอดอาหารต่ออีก 30 วัน พระแม่มารีจึงปรากฏต่อหน้าเขาอีกครั้ง และเขาก็ได้รับการอภัยโทษ
แต่ทว่า ซาตานหาได้ยินยอมเช่นนั้นไม่ สามวันต่อมาทีโอฟิลุสตื่นขึ้นมาพบคำสาปแช่งบนหน้าอกตัวเอง ท่านจึงเอาสัญญาไปให้บิชอปและสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป บิชอปจึงทำลายเอกสารนั้นทิ้ง
กล่าวกันว่า เมื่อทีโอฟิลุสหมดอายุไขลง ท่านก็ได้รับการปลดปล่อยจากภาระข้อสัญญากับปีศาจทั้งหมด
เรื่องทั้งหมดที่เล่ามานี้ เป็นตำนานความเชื่อที่เล่าลือต่อๆกันมาในหมู่ชาวตะวันตก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าท่านเหล่านี้ได้ทำข้อตกลงอันน่าสะพรึงกับบรรดาปีศาจซาตานทั้งหลายหรือไม่
แล้วท่านผู้อ่านล่ะ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้?
โดย CAMMY และทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน
ไทยรัฐออนไลน์
เครดิต http://www.thairath.co.th/column/life/sundayspecial/258051
|