พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
โชว์พระเกจิอาจารย์ล้านนา

ตะกรุดหนังครูบาชุ่ม โพธิโก ข้อมูลให้เป็นความรู้กัน( ควรอ่านกันนะครับ จะใด้ไม่หลงทาง )


ตะกรุดหนังครูบาชุ่ม โพธิโก ข้อมูลให้เป็นความรู้กัน( ควรอ่านกันนะครับ จะใด้ไม่หลงทาง )


ตะกรุดหนังครูบาชุ่ม โพธิโก ข้อมูลให้เป็นความรู้กัน( ควรอ่านกันนะครับ จะใด้ไม่หลงทาง )

   
   
     
โดย : ธันชนก   [Feedback +11 -0] [+0 -0]   Sat 10, Mar 2012 22:34:27
 








 
 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 1 ] Sat 10, Mar 2012 22:35:23









 
 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 2 ] Sat 10, Mar 2012 22:36:07









 
 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 3 ] Sat 10, Mar 2012 22:36:50









 
 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 4 ] Sat 10, Mar 2012 22:37:37









 
 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 5 ] Sat 10, Mar 2012 22:38:16

 

เป็นบุญตาที่ได้เห็น และได้ความรู้อย่างหาที่สุดมิได้ครับ

ด้วยความเคารพ

 
โดย : nit_phrakrung    [Feedback +0 -0] [+0 -0]   [ 6 ] Sat 10, Mar 2012 23:00:25





 

ดังที่เคยเขียนในคราวก่อน นิยามที่ว่า "เล่นเครื่องรางก็เท่ากับตายไปครึ่ง" แต่ก็แล้วแต่ท่านนะครับว่าท่านจะเล่นแบบไหน ( เช่นนิทาน ที่เล่ากันมา หรือ กับคำๆว่า ใด้มากับมือ )

ทีแรกเดิมทีผมก็จะไม่เขียนแล้ว กลัวจะไปทับหรือสะกิดใจใคร ผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยแล้วกัน

ครั้งก่อนผมใด้นำการการ การปลุกเสกตะกรุดปรอท ครูบาชุ่มตามที่คุณหมอสมสุข คงอุไรท่านใด้บันทึกไว้ในคราวที่ครูบาท่านไปทำธุระที่กรุงเทพ เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2519 ให้อ่านกัน

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 7 ] Sat 10, Mar 2012 23:24:40

 

มาครั้งนี้ ผมก็ต้องมาตามสัญญาว่าจะขอกล่าวการสร้างตะกรุดของครูบาชุ่มทุกแบบตามที่ครูบาชุ่ม บอกกับคุณหมอ สมสุขเอง และสอบถามจาก ป่อ อุ๊ย ปั๋น หลานท่าน

ผมเห็นพี่ๆหลายคนลงในเวป ว่าเป็นตะกรุดครูบาชุ่ม กันเยอะมาก อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่า ความเก่าอาจถึงยุค หรือไม่รู้แต่ตีเหมาเอาว่าเป็นของครูบาชุ่ม ( ครูบาชุ่ม ท่านพูด กับคุณหมอเองว่า ตะกรุดแบบท่านนั้น มีหลายวัดเขาทำกันเยอะ)

วันนี้ผมขออนุญาติ นำรูปตะกรุดครูบาชุ่ม ที่ทางคณะศิษย์รัศมีพรหม โพธิโกมีและเก็บรักษาไว้มาให้ชมกันว่า แตกต่างกันอย่างไร ( ไม่ต่างกันเลย ไช่ไหมครับ )

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 8 ] Sat 10, Mar 2012 23:34:33

 

จะจดจำ เป็นแนวทางต่อไป ขอบคุณที่ให้ข้อมูล สิ่งดีๆ แก่ชาวเวบครับemo_10

 
โดย : หนานน้อย    [Feedback +24 -0] [+0 -0]   [ 9 ] Sat 10, Mar 2012 23:47:57





 

   ขอบคุณในข้อมูลที่ดีมาก ๆ จะได้ศึกษาเป็นแนวทางในการเล่นเครื่องรางให้ถูกทาง ไปในทางเดียวกัน น่ายกย่อง คนหนุ่มอนาคตไกล รู้จริง ข้อมูลจริงแน่นปึ๊ก หลักฐานอ้างอิงมีจริง  ไม่ใช้คนแต่งนิยาย ตระกรุดที่เอามาโชว์ในกระทู้นี้มีจริงทุกดอก เห็นและส่องมาแล้ว  จากการได้เคยพูดคุย รู้สึกว่าเป็นคนดี อัธยาศัยดีมาก ไม่โอ้อวด จริงใจมาก รักษาคำพูด ขอจงรักษาความดีนี้ไว้ และจงมีแต่ความเจริญ เจริญ นับถือ นับถือ จากใจจริง ครับ

 
โดย : พระธนบดี    [Feedback +67 -0] [+0 -0]   [ 10 ] Sun 11, Mar 2012 00:00:07

 

ขอบพระคุณข้อมูลดีๆที่นำมาแบ่งปันกันครับ...... 

 
โดย : พรมารดา    [Feedback +72 -1] [+0 -0]   [ 11 ] Sun 11, Mar 2012 00:05:38

 

ตะกรุดที่ท่านเห็นนี้เป็น ตะกรุดหนังลูกควายตายพลาย(ตายแบบผิดธรรมชาติ ขณะอยู่ในท้องแม่) ตามตำราที่ท่านเรียนมาจาก พระมหาเมธังกร วัดน้ำคือ จ.แพร่ แต่เดิมนั้นตำรานี้เป็นตำราโบราณของเมืองงาช้างดำ จ.น่าน อักขระที่ลงในตะกรุดนั้นคือ

" พุทธังอัด ธัมมังอัด สังฆังอัด อุดธังอัดโธอัด ฆะขาขาขาขา ฆะพะสะจะจะ กะพะวะกะหะ" 

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 12 ] Sun 11, Mar 2012 00:16:02

 

ชื่อก็บอกว่า ตะกรุดหนังลูกควายตายพลาย วิธีการสร้างคือ

1. นำหนังลูกควายตายพลาย มาตักแบ่งกันก่อนว่าจะใด้ใด้กี่ลูก ( ประมาณ 70 ลูกต่อผืน)

2.เมื่อแบ่งแล้วนำหนังแต่ละแผ่นมาลงอักขระ ดังที่เขียนไว้

3.นำทองแดงมาเป็นแกนกลางเพื่อพันหนังไว้

       3.1 จะใด้ร้อยเชือกใดง่าย

       3.2กันกลิ่นของหนังที่จะออกมา

       3.3รักษาทรงของหนังให้ม้วนเข้าหากัน

4.เมื่อนำหนังมาพันทองแดงแล้วนำเชือกมา ร้อยมัดใว้กับทองแดง (บางดอกเป็นเส้นลวดสายไฟ      ทองแดงมามัดก็มี แล้วแต่ว่าจะหาอะไรมามัดหนัง ณ เวลานั้น )

5.นำครั่งที่เตรียมมา รนไฟให้อ่อน แล้วนำมาหุ้มหนัง เป็นในลักษณะดังรูปให้เป็นมาตรฐาน และสังเกตุใด้ว่า ลักษณะรูปทรงไม่แตกต่างกัน

 

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 13 ] Sun 11, Mar 2012 00:31:53

 

 เหตุที่นำคลั่งมาหุ้มนั้นเพราะว่า ถ้าไม่เอาครั่งมาหุ้มใว้ กลิ่นของหนังเมื่อสัมผัสกับตัวจะส่งกลิ่นเหม็นและแรงมาก ดีไม่ดีคนที่ใส่จะนำตะกรุดนี้ไปทิ้งเสียก่อนและความเค็มของเหงื่อ จะทำให้ตะกรุดชำรุดไว ท่านก็เลยหาวัสดุที่หาง่ายตามท้องถิ่นมาหุ้มใว้ให้มีอายุการใช้นานยิ่งขึ้น( เมื่อก่อนไม่มีหลอดพลาสติก อะคลีลิก หุ้มตะกรุดเหมือนสมัยนี้ )

5. นำเชือกมาร้อย ( สีเหลือง สีแดง เหตุผลเหมือนตะกรุดปรอท)ปลุกเสกตามตำรา และอภิญญาอริยะเจ้าของท่าน ก็เป็นอันเสร็จพิธี

       อัตตราค่าบูชา 100 บาทต่อลูก ซึ่งแพงมากในสมัยก่อน เพราะว่าหนังควายตามตำราหายากมากนั่นเอง

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 14 ] Sun 11, Mar 2012 00:43:09

 

ในการสร้างตะกรุดหนังครูบาชุ่ม จริงๆนั้น ท่านหาหนังมาใด้แค่ 4 ผืน( 1 ผืน ขนาด กว้าง คูณ ยาวแค่ 1ฟุตกว่าๆ) จากคำบอกเล่า ของพ่ออุ๊ยปั๋น และบันทึกของอาจารย์หมอสมสุข ที่ถามจากครูบาชุ่ม เอง

ถ้าซึ่งเป็นแบบนั้นจริงๆ ตะกรุดหนังน่าจะไม่เกิน 400 ดอกด้วยซ้ำไป จากการสอบถามพ่ออุ๊ยปั๋นเองว่าครูบาชุ่มท่านสร้างตะกรุดหนังครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.248..กว่า แล้วก็ไม่เจอหนังควายเลยจนมาสร้างอีกทีเมื่อเจอหนังลูกควายตายพลาย ในปี พ.ศ.2510 พ.ศ.  2518 และ พ.ศ.2519

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 15 ] Sun 11, Mar 2012 00:54:32





 

จะสังเกตุใด้ว่า ตะกรุดหนังที่ให้ชมนั้น จะไม่มีลูกตะกรุดคั่นเลย จะเป็นดอกเดี่ยวไปเลยครับขนาด ลักษณะจะเหมือนกัน ที่เห็นจะมีอยู่ 3ลักษณะคือ

1.แบบทาทอง

2.แบบปิดทองคำเปลว

3.แบบที่สีหรือทองคำเปลว ลอกออก จะยังไงก็ตามแต่ก็จะยังคงเห็นประกายทองตามซอกมุมเหลืบของครั่งนั่นเอง

ส่วนตะกรุดที่สร้างชื่อให้ครูบาชุ่มนั้น คือตะกรุดเสื้อยันต์  เพราะท่านสร้างใด้ตลอดเวลาครับถ้าท่านว่าง ตะกรุดเสื้อยันต์ของท่านสร้างจริงๆนั้นเป็นตะกรุดชุด 12 ดอกนะครับ ส่วน 16,18,20,24,หรือ 28 ดอก ท่านไม่เคยสร้างนะครับ

เหตุผลเพราะว่า มีหลายสำนักที่สร้างตะกรุดเสื้อยันต์แบบนี้ท่านเลยถือ 12 ดอกเป็นมาตรฐาน

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 16 ] Sun 11, Mar 2012 01:09:50





 

ตะกรุดอีกจำพวกที่ท่านสร้างไว้ก็คือ

1.ตะกรุดยันต์แหนบ ยันต์หนีบ อักขระที่ลงนั้นเป็น คาถา สุริยะประภา จันทรประภา ใช้ในทางชุ่มเย็น เมตตามหานิยม แล้วแต่อธิฐานเอาครับ

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 17 ] Sun 11, Mar 2012 01:20:53





 

2.ตะกรุดเด็ก หรือตะกรุด ละอ่อน ในคราวเด็กแรกเกิดพ่อ แม่ ก็จะมาขอให้ท่านผูกมือหรือ คล้องคอให้เด็กเพราะกลัวเด็กร้องให้เวลากลางค่ำกลางคืน( เชื่อกันว่าพ่อเกิดแม่เกิดมาเล่นด้วย)

3.ตะกรุดแม่ยิง หรือตะกรุดผู้หญิง ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้หญิงมีประจำเดือนจะพกวัตถุมงคลก็เกรงอยู่ครูบาชุ่มท่านก็เลยทำให้ ไม่เหมือนผู้ชายพกวัตถุมงคลอะไรก็ได้

ส่วนตะกรุดอื่นๆที่กล่าวอ้างกันว่า เป็นของครูบาชุ่ม เช่น

ตะกรุดกาสะท้อน ตะกรุดขาปินโตพอกครั่ง ตะกรุดลูกอมผงพอกครั่ง ตะกรุดไม้ไผ่ต่าง หรือวัตถุมงคลแบบอื่นท่านไม่เคยทำนะครับ เพราะวัตถุมงคลที่พอกครั่ง ท่านว่าของท่านต้องเป็นมาตรฐาน

เพราะในยุคนั้นมีการสร้างกันหลายต่อหลายที่กันจริงๆ เหตุผลที่ว่าท่านไม่ทำกาสะท้อนเพราะว่า วัตถุมงคลของท่านเสกดีแล้วกันภัยใด้ทุกอย่าง รวมไปถึงคุญไสยด้วย ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่ท่านจะทำของพวกนั้น หรือของแปลกๆ และส่วนมากจะมีคนมาให้ท่านรดน้ำพระพุทธมนต์มากกว่า เพราะท่านเรียนมาจากครูบาเจ้า ศรีวิชัยนั่นเอง

ที่ผมเขียนในวันนี้เป็นเรื่องตะกรุดล้วนๆ เป็นบันทึกจาก คุณหมอสมสุข คงอุไรและคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก

และทางคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกต่างก็มีความเป็นห่วงและทุกใจคนที่บูชาตะกรุดต่างๆที่อ้างว่า เป็นของครูบา ชุ่ม ทำ ถ้าเกิดเป็นของแท้ก็ดีไป แต่ถ้าเป็นของเก๊ปลอมเอาเมื่อคนเอาไปบูชานำไปใช้แล้วไม่เกิดผลแห่งพระพุทธคุณ ก็เป็นผลเสีย ต่อครูบาชุ่ม ซึ่งท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยครับเพียงแต่คนขายต่างก็อ้างว่าเป็นของท่าน

และสุดท้ายผมขอกราบบูชาคุณครูบาอาจารย์แห่งรัศมีพรหมโพธิโก คุณหมอสมสุขคงอุไร ที่จดบันทึกเรืองราวมา ขอขอบคุณพ่ออุ๊ยปั๋น

กราบขอบพระคุณ พระอาจารย์ ชนินทร์ ชนินโท ที่ให้ข้อมูลมาตลอด

และขอบคุณบรรดาพี่น้องแห่งคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกทุกคน

ขอบคุณ ทนาย คเชนทร์ มาสมาน จัดภาพหามาให้ทุกท่านชาวเวปพระล้านนาชมกัน

ขอบพระคุณพี่ โส ลูกชายคุณหมอที่เอื้อเฟื้อภาพเก่าๆ

ขอบคุณพี่เอส คุณ สรพงษ์ อังสุวรพฤกษ์ พี่นำภาพมาให้

ขอบพระคุณ อาจารย์โอเล่ กฤษชนะวงค์(ศิริสมภพ)  ชูหรัพย์สายมา หรือหนานบุญแห่งเมืองงาช้าดำ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ความหมายของยันต์ต่างๆ

และขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ อาจเป็นบันทัดฐานหรือความรู้ให้ท่านไม่มากก็น้อยครับ

 

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 18 ] Sun 11, Mar 2012 02:08:47

 

 

 

2.ตะกรุดเด็ก หรือตะกรุด ละอ่อน ในคราวเด็กแรกเกิดพ่อ แม่ ก็จะมาขอให้ท่านผูกมือหรือ คล้องคอให้เด็กเพราะกลัวเด็กร้องให้เวลากลางค่ำกลางคืน( เชื่อกันว่าพ่อเกิดแม่เกิดมาเล่นด้วย)

3.ตะกรุดแม่ยิง หรือตะกรุดผู้หญิง ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้หญิงมีประจำเดือนจะพกวัตถุมงคลก็เกรงอยู่ครูบาชุ่มท่านก็เลยทำให้ ไม่เหมือนผู้ชายพกวัตถุมงคลอะไรก็ได้

ส่วนตะกรุดอื่นๆที่กล่าวอ้างกันว่า เป็นของครูบาชุ่ม เช่น

ตะกรุดกาสะท้อน ตะกรุดขาปินโตพอกครั่ง ตะกรุดลูกอมผงพอกครั่ง ตะกรุดไม้ไผ่ต่าง หรือวัตถุมงคลแบบอื่นท่านไม่เคยทำนะครับ เพราะวัตถุมงคลที่พอกครั่ง ท่านว่าของท่านต้องเป็นมาตรฐาน

เพราะในยุคนั้นมีการสร้างกันหลายต่อหลายที่กันจริงๆ เหตุผลที่ว่าท่านไม่ทำกาสะท้อนเพราะว่า วัตถุมงคลของท่านเสกดีแล้วกันภัยใด้ทุกอย่าง รวมไปถึงคุญไสยด้วย ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่ท่านจะทำของพวกนั้น หรือของแปลกๆ และส่วนมากจะมีคนมาให้ท่านรดน้ำพระพุทธมนต์มากกว่า เพราะท่านเรียนมาจากครูบาเจ้า ศรีวิชัยนั่นเอง

ที่ผมเขียนในวันนี้เป็นเรื่องตะกรุดล้วนๆ เป็นบันทึกจาก คุณหมอสมสุข คงอุไรและคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก

และทางคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกต่างก็มีความเป็นห่วงและทุกใจคนที่บูชาตะกรุดต่างๆที่อ้างว่า เป็นของครูบา ชุ่ม ทำ ถ้าเกิดเป็นของแท้ก็ดีไป แต่ถ้าเป็นของเก๊ปลอมเอาเมื่อคนเอาไปบูชานำไปใช้แล้วไม่เกิดผลแห่งพระพุทธคุณ ก็เป็นผลเสีย ต่อครูบาชุ่ม ซึ่งท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยครับเพียงแต่คนขายต่างก็อ้างว่าเป็นของท่าน

และสุดท้ายผมขอกราบบูชาคุณครูบาอาจารย์แห่งรัศมีพรหมโพธิโก คุณหมอสมสุขคงอุไร ที่จดบันทึกเรืองราวมา ขอขอบคุณพ่ออุ๊ยปั๋น

กราบขอบพระคุณ พระอาจารย์ ชนินทร์ ชนินโท ที่ให้ข้อมูลมาตลอด

และขอบคุณบรรดาพี่น้องแห่งคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกทุกคน

ขอบคุณ ทนาย คเชนทร์ มาสมาน จัดภาพหามาให้ทุกท่านชาวเวปพระล้านนาชมกัน

ขอบพระคุณพี่ โส ลูกชายคุณหมอที่เอื้อเฟื้อภาพเก่าๆ

ขอบคุณพี่เอส คุณ สรพงษ์ อังสุวรพฤกษ์ พี่นำภาพมาให้

ขอบพระคุณ อาจารย์โอเล่ กฤษชนะวงค์(ศิริสมภพ)  ชูหรัพย์สายมา หรือหนานบุญแห่งเมืองงาช้าดำ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ความหมายของยันต์ต่างๆ

และขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ อาจเป็นบันทัดฐานหรือความรู้ให้ท่านไม่มากก็น้อยครับ

 

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 19 ] Sun 11, Mar 2012 02:13:29





 
 
โดย : น้องบอสส์    [Feedback +14 -0] [+0 -0]   [ 20 ] Sun 11, Mar 2012 10:06:26

 

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆ ภาพเก่าๆสวยๆ emo_4

 
โดย : พระสังกัจจายน์    [Feedback +18 -0] [+0 -0]   [ 21 ] Sun 11, Mar 2012 10:19:30

 

emo_10  สายตรง สุดยอด

 
โดย : samran    [Feedback +121 -1] [+0 -0]   [ 22 ] Sun 11, Mar 2012 13:22:37

 

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆ ครับ

 
โดย : ศิวิไล    [Feedback +55 -0] [+36 -1]   [ 23 ] Sun 11, Mar 2012 13:45:31

 

ครับที่ผมลงข้อมูลนั้นผมไม่ใด้กล่าวอ้างเรื่องปาฏิหารย์การสร้างตะกรุดองครูบาชุ่ม แต่อย่างใด เป็นการสร้างวัตถุมงคล ตามยุคสมัยนั้นและณ เวลานั้น เพราะเท่าที่รู้ในยุคนั้นมีการสร้างตะกรุดหนังแบบนี้หลายที่ หลายสำนักและที่ท่านครูบาเรียนจากพระมหาเมธังกร หรือ หลวงปู่หมา ที่วัดน้ำคือ จ.แพร่ ก็ไม่ใช่ท่านรูปเดียวนะครับที่สืบวิชานี้ แม้กระทั่งในยุคนั้น จ.แพร่ จ.น่าน จ.พะเยา ก็มีลูกศิษย์ท่านหลวงปู่ มหาเมธังกร หลาท่านด้วยกัน กระทั่งตัวหลวงปู่มหาเมธังกรเองท่านก็ใดสร้างตะกรุด หนังแบบนี้ด้วย แต่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของครูบาชุ่ม ด้วยเหตุที่ว่าท่านเป็นศิษย์ใกล้ครูบาเจ้าศรีวิชัย สร้างนั่นเอง หลายสำนักในยุคนั้น ต่างก็สร้างใว้หลายแบบ ครูบาชุ่ม เองเลยทำเป็นบันทัดฐานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อจะให้รู้ว่าเป็นของท่านสำนัก วัดวังมุย

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 24 ] Sun 11, Mar 2012 15:50:23

 

ขอสอบถามด้วยครับเพื่อเป็นกรณีศึกษาและเป็นความรู้แก่ผู้ที่สนใจในเครื่องรางล้านนาครับ

ที่ท่านธันชนกว่า

ตะกรุดหนังที่เห็นจะมีอยู่ 3ลักษณะคือ

1.แบบทาทอง

2.แบบปิดทองคำเปลว

3.แบบที่สีหรือทองคำเปลว ลอกออก จะยังไงก็ตามแต่ก็จะยังคงเห็นประกายทองตามซอกมุมเหลืบของครั่งนั่นเอง

 แล้วแบบที่ไม่ทาทองมีไหมครับ ผมเห็นลงในเวฟพระล้านนาเต็มเลยครับ แบบที่ไม่ลงทองครับ งั้นแสดงว่าเป็นตระกรุดที่ไม่ทันท่านสร้างหรือเปล่าครับ หรือว่าเป็นเกจิท่านอื่นที่สร้างมาในยุคเดียวกัน หรือว่าพี่น้องชาวพระล้านนาเดินทางผิดสาย อยากให่ท่านธันชนกช่วยพิจารณาและให้ความรู้ข้อมูลที่แน่ชัดไปเลยครับ เพราะที่ท่านออกมาให้ข้อมูลขนาดนี้ได้แสดงว่าท่านรู้จริง เหมาะสมที่จะเป็นแบบอย่างแก่ผู้ที่คิดศึกษาในเครื่องรางของสายวัดวังมุย ส่วนตัวกระผมเองก็เก็บใว้หลายชิ้นเหมือนกัน แต่ไม่มีทาทองเลย อาจแสดงว่าผมโดนมาก็ได้ แล้วถ้าข้อมูลแน่นจริง ๆ และผมโดนมาจริง ๆ ผมจะคืนของแน่นอนครับ ฝากท่านช่วยให้ความรู้ที่กระจ่างด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

 
โดย : เฮงเฮงเฮง    [Feedback +3 -0] [+0 -0]   [ 25 ] Mon 12, Mar 2012 10:31:43

 

ขอบพระคุณ ท่าน เฮงเฮงเฮง  ที่ถามคำถามนี้ขึ้นมาครับ

ผมอ่านบทความนี้แล้ว  ก็รับทราบว่า หลักเริ่มแกว่ง และเกรงว่าจะมีผลกระทบในการเก็บสะสมตะกรุดครูบาชุ่มอย่างแน่นอน

เดิมๆ  ก็เห็นแต่ตะกรุดที่ไม่มีทองติด ไม่ว่าจะปิดทอง ทาทอง  ไม่เคยเห็น  ต่อมาจึงเริ่มเห็น  ก็ได้แต่สงสัยว่า ที่มีทองนั้น  มีจริงหรือไม่  ต่อมาก็มีการยอมรับว่ามีทองด้วย  ถือว่าใช่  รวมทั้งการประกวดที่มีทองก็มีติดรางวัล  เช่นกัน  (บทความนี้ในความเห็นส่วนตัวของผม  จึงให้การสนับสนุนว่า  ตะกรุดครูบาชุ่มส่วนที่มีทองเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นมีจริงๆ ก็เท่านั้น)

แต่อย่าลืมว่าตะกรุดที่ไม่มีทองมีการติดรางวัลมามากมาย  จนเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้างแล้วไปนานนับสิบๆปี(แต่เนื้อครั่งต้องถึงยุค)

อ่านบทความนี้แล้ว ก็ไม่สบายใจ  ว่าหลักจะแกว่งหรือไม่  หากหลักแกว่ง   จะไม่มีคนเก็บสะสม  จึงได้พยายามติดต่อขอความกรุณาจากพี่ใหญ่ ให้ขอความกรุณาจากผู้มีความรู้เชี่ยวชาญอย่างจริงๆ  และแท้จริงๆ  ได้กรุณาเสนอความเห็นเป็นวิทยาทาน  เพื่อให้หลักนิ่งดังเดิม   (ผมก็เก็บสะสมที่ไม่มีทองเช่นกัน  ก่อนเก็บสะสมก็ไม่เคยเห็นที่มีทองเข้ามาเกี่ยวข้องมาก่อนเลย)

ตอนนี้ก็กำลังรอคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงๆและแท้จริงอยู่ ครับ

 
โดย : ริมฝั่งวัง    [Feedback +19 -0] [+0 -0]   [ 26 ] Mon 12, Mar 2012 11:36:33

 
ขอบคุณครับที่ตั้งประเด็นถามนะครับ ที่ผมลงบทความนี้ผมตั้งใจให้ท่านใด้อ่านในสิ่งที่ไม่มีใครรู้กันมานาน ผมก็กลัวเหมือนกันนะครับว่าจะต้องโดนคำถามจากคนที่ชอบเล่นเครื่องรางโดยเฉพาะครูบาชุ่่ม ผมจึงศึกษาข้อมูลทั้งที่รัศมีพรหม และทางศิษย์ท่าซุง และชอยสายลมบ้านท่านเจ้ากรมเสริม เอาเป็นว่าผมตอบคำถามแรกก่อนนะครับ ตะกรุดครูบาชุ่มทุกดอกในสมัยก่อนท่านมีการปิดทองเป็นเอกลักษณ์ แต่ในปี 2518และ2519จึงจะมีการทาทองเกิดขึ้น เพราะมีสีทองที่เหลือในคราวบูรณะวิหารวัด และอีกอย่างทองคำเปรวเริ่มมีราคาแพงครูบาท่านและพ่อหนาปั๋นเริ่มประยุคด้วยการทาทองครับ ไม่ว่ายังไงของครูบาชุ่มทุกดอกต้องมีทองแม้กระทั่งที่ใช้แล้วก็ตามไม่ว่ายังไงก็ต้องมีเศษทองติดแน่นอน ที่ผมเห็นแบบเก่าที่สุดใช้จนครั่งแตกแต่ยังไงนะคับความเก่าของครั่งก็ยังมีประกายทองติดอยู่ และที่เห็นแบบไม่มีทองผมใด้เขียนลงบอกใว้แต่ต้นว่า ในยุคนั้นมีสารสร้างกันหลายที่ หลายสำนัก แม้กระทั่งตัว หลวงปู่มหาเมธังเองท่านก็ทำของท่าน ลูกศิษย์ของท่านมหาเมธังกรเองก็ทำกันหลายสำนัก เลยทำให้ครั่งดูเก่าถึงยุคในสมัยปัจจุบัน นี่แหละครับเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมครูบาชุ่มท่านต้องทำตะกรุดให้มีขนาดมาตรฐานและลงทอง หรือทาทอง แม้กระทั่งเมื่อครูบาท่านเสียแล้วก็ตาม พ่ออุ๊ยปั๋นท่าก็ยังคงทำอยู่มาตลอดตั้งแต่ปี2519 ถึงปัจจุปัน และก็ไม่ใช่อุ๊ยปั๋นที่ทำที่เดียวนะครับ ก็ยังมีหลายที่ทำเหมือนกัน เขาเลยตีเหมาว่าเป็นของครูบาชุ่ม ถ้าข้อความนี้ไปสะกิดใจใครผมก็ขอโทษด้วยนะครับ
 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 27 ] Mon 12, Mar 2012 13:24:25

 

ขอบคุณครับ สำหรับบทความนี้  ที่ยังพอจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง  แต่คงจะไม่ทั้งหมด

จากการที่ผมได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องราง ถึงสองท่าน   (หนึ่งในนั้นน่าจะเชี่ยวชาญที่สุดของล้านนา)  จึงได้ทราบข้อเท็จจริง ที่ตรงกับแนวคิดดั้งเดิมของผม  ที่มาแต่เดิมอย่างยาวนาน)

การเสนอบทความนับเป็นสิ่งที่ดีมากๆ  แต่การเสนอบทความแล้วมีผลกระทบเป็นอย่างมาก   จำเป็นจะต้องศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด  รวมทั้งต้องฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจริงๆ  ตัวจริง  เสียงจริงด้วย

อยากได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงจริงใดๆ  ลองสอบถามหาข้อมูลว่าผู้เชี่ยวชาญในแดนล้านนามีใครบ้าง   และคนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือใคร  ลองสอบถามหาข้อมูล  ซึ่งจะยังประโยชน์ทั้งต่อตัวเราและสังคม

พูดมาหวังดีนะครับ  ไม่ต้องโกธรกัน  เพราะเราไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว   แต่ทำเพื่อประโยชน์ของทุกๆคนในแดนล้านนา

ถ้าไม่รู้จักเบอร์โทรของท่าน   สอบถามผมได้ครับ  ยินดีครับ   เพื่อช่วยๆกัน

ท้ายนี้ผมยังได้ความรู้เพิ่มเติมอีกว่า  ตะกรุดพอกครั่งทาทอง  ที่ทำในยุคเดียวกันกันครูบาชุ่ม  ก็ยังมีหนานปัน ฯ  ทำอีกเสียด้วย  ลองสอบถามรายละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญจริงๆดูครับ  เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน

 
โดย : ริมฝั่งวัง    [Feedback +19 -0] [+0 -0]   [ 28 ] Mon 12, Mar 2012 15:36:05

 

ไม่เป็นไรครับท่าน ริมฝั่งวัง ที่ผมเขียนนี้ก็เป็นแค่เขียนข้อมูลที่จากการบันทึกของคณะศิษญ์รัศมีพรหมโพธิโกมาให้อ่าน กันก็แค่นั้นเองครับ ผมก็ไม่ใช่เซียนหรือเก็บตุนตะกรุดไว้เพื่อขายเข้าพกเข้าห่อแต่อย่างใด ถามผมว่า ผมเป็นสายตรงเครื่องรางไหม ผมก็ไม่ใช่ครับ เพียงแค่ผมนำเอาข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์แก่บางท่านมาเสนอเท่านั้นครับ

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 29 ] Mon 12, Mar 2012 16:28:35

 

ยินดีครับ  และผมก็ชอบครับด้วยครับ  สำหรับคนหนุ่มไฟแรงต่างๆที่ให้ความรู้ทางด้านต่างๆเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง

ส่วนตัวผม ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ  รวมทั้งท่านผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดแห่งแดนล้านนา  ก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อันใด  เพราะท่านเป็นนักวิชาการ  ศึกษาจริง  ปฏิบัติจริง  และคลุกคลีจริงๆกับลูกศิษย์ของครูบาชุ่มจริงๆ  และก็มากมายเสียด้วย  รู้การจัดสร้างหลายยุค หลายสมัย  หลายกลุ่มคน  ฯลฯ

ท่านลองได้สัมผัสท่านอาจารย์ดูครับ  จะได้ความรู้อีกมากมายเลย   คลื่นลูกใหม่ย่อมลบล้างคลื่นลูกเก่า      จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คลื่นลูกใหม่  ต้องเก็บข้อมูล  ข้อเท็จจริงให้มากที่สุดจากคลื่นลูกเก่า  อย่างรอบครอบและมีสติ  นำมาวิเคราะห์หาเหตุผล  เพื่อให้ทางเดินไปในแนวทางเดียวกัน   และเก็บหลักความถูกต้องนั้นไว้  สืบทอดต่อไปให้กับคนรุ่นหลัง   ประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนานไม่ใช่ว่าจะลบได้ในวันเดียว

(ส่วนตัวผม ก็มีตะกรุดของท่านเพียงดอกเดียว  ไว้พกติดตัวไปในที่เสี่ยงภัยกับลูกปืน  เท่านั้นครับ)

ไม่ต้องโกธรผมนะครับ 

ด้วยรัก

 
โดย : ริมฝั่งวัง    [Feedback +19 -0] [+0 -0]   [ 30 ] Mon 12, Mar 2012 16:48:13

 

 ผมไม่โกรธหรอกครับและก็ยินดีเช่นกันครับ ท่าน ริมฝั่งวัง เป็นเกียติอย่างยิ่งที่ท่านเยี่ยมชมกระทู้นี้ และตั้งคำถามใด้ข้อคิดมากมาย ( นี่แหละครับ เสน่ห์อย่างหนึ่งของ เครื่องรางวัตถุมงคล)

                                                                                                                   ขอบคุณครับ

 

 
โดย : ธันชนก    [Feedback +11 -0] [+0 -0]   [ 31 ] Mon 12, Mar 2012 16:54:04









 

สาธุ...บุญกุศลที่ให้เป็นวิทยาทานครับผม

 

 
โดย : papapa    [Feedback +3 -0] [+0 -0]   [ 32 ] Mon 12, Mar 2012 19:15:50

 
ตะกรุดหนังครูบาชุ่ม โพธิโก ข้อมูลให้เป็นความรู้กัน( ควรอ่านกันนะครับ จะใด้ไม่หลงทาง ) : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.