พระล้านนาดอทคอม แหล่งรวมพระเครื่องเมืองเหนือ
อู้ได้ซะป๊ะเรื่อง

ที่มาของไม้กาแล....

   
 

ทุกท่านคงรู้จัก กาแล นะครับ
กาแล เดิมชื่อไม้กะแหล้ง คือไม้สองแผ่นที่ตี ไขว้กันแล้วเอาไปติดไว้บนหน้าจั่วหลังคาบ้าน นิยมติดกันในเรือนไทยล้านนา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำบ้านทรงไทยล้านนาไปเสียแล้ว แต่จะมีใครซักกี่คนที่รู้ว่า จริงๆแล้ว ไม้กาแล คืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร? ขอนำเสนอ.......กาแล(กะแหล้ง).......สัญญลักษณ์แห่งความเป็น.....ล้านนา.....หรือ.....(ขี้ข้า)พม่า.....กันแน่..............ต้องขอนำทางก่อนว่า....เชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าเนิ่นนานเป็นเวลาถึง 216 ปี (พ.ศ.2101-2317)ในระยะเวลาของการเข้ามาปกครองนี้ พม่าได้ส่งคนของพม่ามาเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ตลอดเวลา บ้างครั้งก้อแต่งตั้งลูกหลานเจ้าเชียงใหม่ ที่พม่าเห็นว่ามีความจงรักภักดีต่อพม่า ขึ้นมาปกครองเชียงใหม่ถึง 216 ปี การปกครองเมืองขึ้น ผู้ปกครองก็ต้องเก็บภาษี จากผู้ถูกปกครอง เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น พม่าจึงออกเดินเก็บภาษีจากชาวบ้านชาวเมืองคนเจียงใหม่ โดยการเคาะไม้กระบอก เสียงจะออกดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก พอคนเมืองได้ยินเสียง ก๊อกๆๆๆๆ ก่อจะฮู้ว่า ทหารพม่าเดินมาเก็บก๊อก (ภาษี) ก็จะเอาข้าวปลาอาหาร ข้าวเปลือก หมากพลู และเงินทอง ของมีค่าต่างๆ รวมทั้งลูกสาวคนเมือง ก็ถูกเก็บเอาไปเป็นภาษีบำรุงกองทัพพม่าด้วย การมาทำสงคราม กองทัพจะยกมาเฉพาะทหารผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงไปหาเอาข้างหน้า รบแพ้ก็ตาย รบชนะก่อสุขสบาย เป็นธรรมดา ทหารพม่าก็พาแต่งงานกับสาวเชียงใหม่ ออกลูกออกหลานสายเลือดผสมเมือง+ม่าน เต็มไปหมด ทีนี้เวลาทหารพม่าเดินมาเก็บภาษีก๊อก สมัยแรกๆก็ไม่มีปัญหา เจอบ้านคนเมืองก่อเก็บไป เจอบ้านผัวพม่าเมียเชียงใหม่ก็ยกเว้นไปอยู่กันไป หลายสิบปีเข้า เกิดมีปัญหาละครับ ......................บางบ้านบางหลังคาเรือน ทหารพม่าเก็บก็เก็บไม่ได้ ทหารมาเก็บก๊อกบ้านหม่อง หนองหอย (ยกตัวอย่าง) หม่องไม่ยอมจ่าย มันบอกว่า พ่อมันเป็นพม่า ไม่ต้องจ่ายภาษีก๊อก เอาละ..เถียงกันละ...จะไปเอาพ่อมายืนยันก็ไม่ได้ เพราะพ่อตายไปแล้ว วุ่นวายกันไปหมด ทางกองทัพพม่าก่อเลยออกคำสั่งว่า..บ้านหลังใด.ที่เป็นคนเมือง. 100%...ไม่มีสายเลือดพม่าเจือปนอยู่เลย..ให้ทำ...ไม้กาแล.(กะแหล้ง)...ขึ้นไปติดไว้บนหน้าจั่วหลังคาบ้าน บ้านใดที่มีเชื้อชาติเป็นลูกหลานพม่า...ไม่ต้องติด....เวลามาเก็บก๊อกจะได้เว้นให้.......เห็นละยังครับ...นี่ละครับ...........ไม้กาแล....กะคือไม้กะแหล้ง..........นั่นเองครับ คำเมือง คำว่า......กะแหล้ง.......มีความหมายว่า....เอามาไขว้กันเป็นกากะบาด.....รูปตั๋ว...X....ในภาษาอังกฤษครับ ไม้กาแล.......คือไม้กะแหล้ง......ในภาษาคำเมืองเหนือครับผม.....ไม่รู้ว่ามันกลายไปเป็น...ไม้กาแล...ได้อย่างไรเหมือนกันครับ บางทีอาจเป็นคำที่ผวนคำมาจาก กะแหล้งก็ได้ กาแล (กะแหล้ง)เป็นสัญญลักษณ์ของเรือนทาสครับ...........และก็เป็นการแสดงถึงการเป็นเรือนคนเมืองแท้ๆ...100%..ทีนี้เวลาจะเอาขึ้นติด......คนที่มีฝีมือเขาก็เอามาแกะสลักให้มันสวยซะหน่อย.......พอเอาขึ้นติดก็สวยงามก็เลยพากันเรียนแบบกัน......บ้านนู้นกะติด.....บ้านนี้.....(ไม้กะแหล้ง)  ไม้กาแล.....สัญญลักษณ์แห่งความเป็นทาสพม่า...ครับผม....สวัสดีครับ

 
     
โดย : เซียนกิ๊กก๊อก   [Feedback +53 -0] [+0 -0]   Sat 18, Feb 2012 18:33:41
 
 

ทุกท่านคงรู้จัก กาแล นะครับ
กาแล เดิมชื่อไม้กะแหล้ง คือไม้สองแผ่นที่ตี ไขว้กันแล้วเอาไปติดไว้บนหน้าจั่วหลังคาบ้าน นิยมติดกันในเรือนไทยล้านนา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำบ้านทรงไทยล้านนาไปเสียแล้ว แต่จะมีใครซักกี่คนที่รู้ว่า จริงๆแล้ว ไม้กาแล คืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร? ขอนำเสนอ.......กาแล(กะแหล้ง).......สัญญลักษณ์แห่งความเป็น.....ล้านนา.....หรือ.....(ขี้ข้า)พม่า.....กันแน่..............ต้องขอนำทางก่อนว่า....เชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าเนิ่นนานเป็นเวลาถึง 216 ปี (พ.ศ.2101-2317)ในระยะเวลาของการเข้ามาปกครองนี้ พม่าได้ส่งคนของพม่ามาเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ตลอดเวลา บ้างครั้งก้อแต่งตั้งลูกหลานเจ้าเชียงใหม่ ที่พม่าเห็นว่ามีความจงรักภักดีต่อพม่า ขึ้นมาปกครองเชียงใหม่ถึง 216 ปี การปกครองเมืองขึ้น ผู้ปกครองก็ต้องเก็บภาษี จากผู้ถูกปกครอง เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้น พม่าจึงออกเดินเก็บภาษีจากชาวบ้านชาวเมืองคนเชียงใหม่ โดยการเคาะไม้กระบอก เสียงจะออกดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก พอคนเมืองได้ยินเสียง ก๊อกๆๆๆๆ ก่อจะฮู้ว่า ทหารพม่าเดินมาเก็บก๊อก (ภาษี) ก็จะเอาข้าวปลาอาหาร ข้าวเปลือก หมากพลู และเงินทอง ของมีค่าต่างๆ รวมทั้งลูกสาวคนเมือง ก็ถูกเก็บเอาไปเป็นภาษีบำรุงกองทัพพม่าด้วย การมาทำสงคราม กองทัพจะยกมาเฉพาะทหารผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงไปหาเอาข้างหน้า รบแพ้ก็ตาย รบชนะก่อสุขสบาย เป็นธรรมดา ทหารพม่าก็มาแต่งงานกับสาวเชียงใหม่ ออกลูกออกหลานสายเลือดผสมเมือง+ม่าน เต็มไปหมด ทีนี้เวลาทหารพม่าเดินมาเก็บภาษีก๊อก สมัยแรกๆก็ไม่มีปัญหา เจอบ้านคนเมืองก่อเก็บไป เจอบ้านผัวพม่าเมียเชียงใหม่ก็ยกเว้นไปอยู่กันไป หลายสิบปีเข้า เกิดมีปัญหาละครับ ......................บางบ้านบางหลังคาเรือน ทหารพม่าเก็บก็เก็บไม่ได้ ทหารมาเก็บก๊อกบ้านหม่อง หนองหอย (ยกตัวอย่าง) หม่องไม่ยอมจ่าย มันบอกว่า พ่อมันเป็นพม่า ไม่ต้องจ่ายภาษีก๊อก เอาละ..เถียงกันละ...จะไปเอาพ่อมายืนยันก็ไม่ได้ เพราะพ่อตายไปแล้ว วุ่นวายกันไปหมด ทางกองทัพพม่าก่อเลยออกคำสั่งว่า..บ้านหลังใด.ที่เป็นคนเมือง. 100%...ไม่มีสายเลือดพม่าเจือปนอยู่เลย..ให้ทำ...ไม้กาแล.(กะแหล้ง)...ขึ้นไปติดไว้บนหน้าจั่วหลังคาบ้าน บ้านใดที่มีเชื้อชาติเป็นลูกหลานพม่า...ไม่ต้องติด....เวลามาเก็บก๊อกจะได้เว้นให้.......เห็นละยังครับ...นี่ละครับ...........ไม้กาแล....กะคือไม้กะแหล้ง..........นั่นเองครับ คำเมือง คำว่า......กะแหล้ง.......มีความหมายว่า....เอามาไขว้กันเป็นกากะบาด.....รูปตั๋ว...X....ในภาษาอังกฤษครับ ไม้กาแล.......คือไม้กะแหล้ง......ในภาษาคำเมืองเหนือครับผม.....ไม่รู้ว่ามันกลายไปเป็น...ไม้กาแล...ได้อย่างไรเหมือนกันครับ บางทีอาจเป็นคำที่ผวนคำมาจาก กะแหล้งก็ได้ กาแล (กะแหล้ง)เป็นสัญญลักษณ์ของเรือนทาสครับ...........และก็เป็นการแสดงถึงการเป็นเรือนคนเมืองแท้ๆ...100%..ทีนี้เวลาจะเอาขึ้นติด......คนที่มีฝีมือเขาก็เอามาแกะสลักให้มันสวยซะหน่อย.......พอเอาขึ้นติดก็สวยงามก็เลยพากันเรียนแบบกัน......บ้านนู้นกะติด.....บ้านนี้.....(ไม้กะแหล้ง)  ไม้กาแล.....สัญญลักษณ์แห่งความเป็นทาสพม่า...ครับผม....สวัสดีครับ

 
โดย : เซียนกิ๊กก๊อก    [Feedback +53 -0] [+0 -0]   [ 1 ] Sat 18, Feb 2012 19:54:16

 

...เวลาผ่าน..ทุกอย่างเปลี่ยน..กาลเวลาสร้างจารึกเสมอ..ขอเป็นหนึ่งเสียงของชาวเว็บขอบคูณ  ขอมูล  และความรู้ที่ท่าน เกษมวสุ  กันทะวงศ์  (เซียนกิ๊กก๊อก)ร่วมแบ่งปันให้...   คน!!สร้างจารึก.....จารึก!!สร้างคน...

 
โดย : เชียงคำ    [Feedback +3 -1] [+0 -0]   [ 2 ] Sat 18, Feb 2012 21:07:14

 

รับทราบ ครับ

 
โดย : samran    [Feedback +121 -1] [+0 -0]   [ 3 ] Sat 18, Feb 2012 23:25:04

 

ตอนเด็กๆ จำได้ว่าปู่เคยเล่า แบบนี้เลยครับ.. เอาไปเล่าต่อที่ไหน ใครก็ไม่เชื่อ..

เก็บความสงสัยไว้มานาน จนลืม..

 

คล้ายกับเรื่องการ "ทานหงษ์" หรือสัญลักษณ์รูปหงษ์ในพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวกับ หงสาวดี ไหม???

 

 
โดย : TahLampang    [Feedback +17 -0] [+0 -0]   [ 4 ] Sun 19, Feb 2012 09:09:51

 

หงสาวดีตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำพะโค เป็นเมืองของชาวมอญมาก่อนในอดีต ก่อนที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองได้ ในปี พ.ศ. 2082หลังจากที่พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้เข้ามาทำพิธีเจาะพระกรรณที่ฐานพระธาตุมุเตาขณะที่ยังอยู่ในเขตของมอญอยู่ และสถาปนาเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ตองอูเดิมเมืองหงสาวดีเก่า(ยุคมอญ)อยู่บริเวณตะวันออกของพระธาตุมุเตา ต่อมาจึงย้ายและสร้างให้ใหญ่กว่าเดิมในยุคพม่า หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง เนื่องจากพระองค์ให้ทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ที่ชื่อ กัมโพชธานี ซึ่งนับเป็นพระราชวังใหญ่โตมีประตูทางเข้าออกถึง 10 ประตู สร้างโดยเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่าง ๆ โดยหนึ่งในนั้นมีเมืองเชียงใหม่และอยุธยารวมอยู่ด้วย จนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงหลังศึกยุทธหัตถีแล้ว นัดจินหน่องได้ผูกมิตรกับเมืองยะไข่และอยุธยาเพื่อเข้าตีหงสาวดี แต่มหาเถรเสียมเพรียมได้ยุยงให้ตองอูไม่เข้ากับอยุธยา ดังนั้นเมื่อทัพตองอูมาถึงหงสาวดีก็ได้เข้าตีและล้อมเมืองเอาไว้ เมื่อทางหงสาวดีทราบว่าพระนเรศวรปราบมอญสำเร็จแล้วจึงเปิดประตูเมืองรับทัพตองอู พระเจ้านันทบุเรงมอบสิทธิ์ขาดในการบัญชาการทัพแก่นัดจินหน่องและเชิญพระเจ้านันทบุเรงไปประทับ ณ ตองอู เพื่อเตรียมรับทัพพระนเรศวร ตองอูได้กวาดต้อนพลเรือนและทรัพย์สินไปยังตองอู ทิ้งเมืองให้ยะไข่ปล้นและเผาเมือง ส่วนพระนเรศวรมาถึงหงสาวดีก็เหลือแต่เมืองที่ถูกเผาแล้ว พระนเรศวรจึงยกทัพไปตีตองอูต่อ เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นจุดจบของกรุงหงสาวดี

หลังจากนั้น ศูนย์กลางอำนาจของพม่าได้ย้ายไปยังอังวะ อมรปุระ และมัณฑะเลย์ตามลำดับ จนถึงวันที่พม่าเสียกรุงให้แก่อังกฤษ

สัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี เป็นรูปหงส์คู่ ตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาถึงเมืองหงสาวดีที่สมัยก่อนยังคงเป็นชายหาดริมทะเล พระพุทธเจ้าทรงเห็น หงส์สองตัวว่ายน้ำเล่นกัน จึงทำนายออกมาว่าภายหลังจะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ชาวหงสาวดีจึงถือเอาตำนานเรื่องนี้มาเป็นสัตว์สัญลักษณ์ นอกจากนี้ ตำนานยังกล่าวว่า หงส์คู่นั้น ตัวเมียขี่ตัวผู้ จึงมีคำทำนายว่าต่อไปผู้หญิงจะเป็นใหญ่ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นคือ พระนางชินสอบู (ตะละแม่ท้าว)นั่นเอง

 

อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของหงสาวดี คือ พระธาตุชเวมอดอ หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า พระธาตุมุเตา เป็นพระธาตุที่อยู่มานานคู่กับเมือง เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชื่อว่าภายในได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ เล่ากันว่าเมื่อครั้งใดที่ พระเจ้าบุเรงนองจะออกทำศึกจะทรงสักการะขอพรจากพระธาตุนี้ทุกครั้ง และเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จมายังที่หงสาวดีนี้ก็ได้ทำการสักการะพระธาตุนี้ด้วย

 
โดย : เซียนกิ๊กก๊อก    [Feedback +53 -0] [+0 -0]   [ 5 ] Sun 19, Feb 2012 21:38:21

 

เรื่องไม้กาแลอ่านแล้วดีแม้จะเป็นสัญลักษ์ของเรือนทาสแต่ทุกบ้านที่ติดก็มีความจงรักภักดีต่อบ้านเมืองถิ่นฐานตัวเองยอมเสียภาษี ดีกว่าเสียศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะถ้าแค่บ้านหลังไหนที่เป็นคนเมืองแต้ๆแต่ไม่ยอมติดไม้กาแลเพื่อจะเลี่ยงภาษี ก็เท่ากับยอมขายทั้งตัวตนและใจให้ตกเป็นทาสเขาไปตลอดกาล

 
โดย : อู๊ดผมยาว    [Feedback +18 -0] [+0 -0]   [ 6 ] Tue 21, Feb 2012 11:19:31





 
 
โดย : samran    [Feedback +121 -1] [+0 -0]   [ 7 ] Tue 21, Feb 2012 20:01:02

 

ว่าแล้วไง ..ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลดีๆ มีประโยชน์ครับผมemo_12

 
โดย : TahLampang    [Feedback +17 -0] [+0 -0]   [ 8 ] Sat 25, Feb 2012 22:00:22

 
ที่มาของไม้กาแล.... : พระล้านนา.คอม เว็บ พระเครื่อง พระบูชา อันดับหนึ่ง ของภาคเหนือ ออกแบบเว็บไซต์โดย 2WinWeb design บริการรับทำเว็บไซต์
Copyright Pralanna.com All right reserved. © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายโดย บริษัท พระล้านนาดอทคอม จำกัด.