จำได้ว่าสมัยผมทำงานใหม่ๆ ในตำแหน่งพนักงานสินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่ง ได้เข้าไปสำรวจกิจการของลูกค้าแห่งหนึ่ง สมัยนั้นผมไม่ได้สนใจในศิลปะหรือภาพเขียนอะไร
ขณะที่เข้าไปในห้องรับแขก ผมก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นภาพเขียนภาพหนึ่ง มีขนาดใหญ่มาก สวยงามอย่างวิจิตรพิศดารอะไรเช่นนี้ จ้องอยู่เป็นนานสองนาน และแล้วเสียงของลูกค้าก็กระทบเข้าโสตประสาทของผมว่า "เป็นภาพของท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ "
เนื่องจากผมไม่มีความรู้หรือสำผัสทางด้านนี้มาก่อน การเอ่ยชื่อท่านอาจารย์ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อลูกค้าพูดต่อไปว่า ผมจำได้อย่างไม่แน่ชัดว่า ลูกค้าท่านซื้อมาราคาสิบกว่าล้าน หรือมีคนมาขอซื้อท่านลูกค้าสิบกว่าล้าน กันแน่ แต่ที่จำได้แน่ๆคือมูลค่าถึงสิบกว่าล้าน ด้วยเหตุแห่งมูลค่าของภาพวาดนี้เอง จึงทำให้ผมจดจำชื่อของท่านอาจารย์เฉลิมชัยได้ ณ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
มา ณ ปัจจุบัน จากวันนั้นที่ได้เห็นภาพของลูกค้า เป็นเวลาน่าจะยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ขณะตอนนั้นขนาดท่านอาจารย์เฉลิมชัยยังไม่หยุดวาดภาพ มูลค้าของภาพยังสิบกว่าล้าน ให้นึกถึงตอนนี้ จะมีมูลค่าขนาดไหน อีกทั้งก็ได้ข่าวว่าท่านอาจารย์ได้หยุดวาดภาพแล้ว(จริงเท็จประการใดไม่แน่ชัดผิดพลาดประการใดในเรื่องการหยุดวาดภาพ ผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย) มูลค่าจึงย่อมสูงขึ้นเป็นทวีคูณอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นที่แน่นอนว่า ถึงแม้ท่านๆจะมีเงินมากมายประการใด ก็คงไม่ได้ภาพของท่านอาจารย์มาอย่างง่ายๆแน่นอน เหตุเพราะได้เป็นภาพในตำนานของแผ่นดิน ตลอดจนระดับโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
เมื่อได้อ่านถ้อยคำที่ท่านอาจารย์ได้กรุณาฝากเตือนไม่ว่าจะการเก็บสะสม การจัดเสาะแสวงหา พร้อมทั้งกล่าวเตือนสติถึงมูลค่าของพระพุทธประทานยศบารมี ขณะที่ผมได้เขียนข้อความนี้ ก็ได้แต่นึกว่า คำพุดของอาจารย์ย่อมจริงแท้แน่นอน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ และก็จริงๆ ........ราคาค่านิยมคงมีมูลค่าสูงทวีขึ้นตามกาลเวลา เป็นเหมือนดั่งภาพเขียนของท่านอาจารย์นั่นเอง