โชว์พระเกจิอาจารย์ล้านนา
ครูบาผาผ่า ชุดสุดยอด
|
|
|
|
|
|
ประวัติของ พระครูบาผาผ่า ( พระครูปัญญาวรวัตร )
· ตนบุญแห่งอำเภอแม่สะเรียง ผู้มีสมาธิจิตแก่กล้าแต่เยาว์วัย
· สามารถหยั่งรู้จิตใจของคนอื่นและเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
· ผู้ถือมังสะวิรัติเคร่งครัดในพระกัมมัฎฐาน เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม
· เป็นพระภิกษุรูปเดียวที่ครูบาเจ้าศรีวิไชย
ยกย่องประกาศเกียรติคุณว่า มีบุญญาธิการบารมีแก่กล้า
แต่ไม่ชอบแสดงตนและยอมรับว่าเป็น “ ตุ๊น้อง ”
· วัตถุมงคลของท่านครูบา เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า
มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ ให้ผลทางเมตตามหานิยม
แคล้วความจากอุบัติเหตุเภทภัยอันตรายต่างๆ นานา
“ แม่สะเรียง ” ในอดีตมีชื่อเรียกว่า “ เมืองยวม ” คู่กับอำเภอขุนยวม เพราะคำว่า “ ยวม ” ก็คือ แม่น้ำยวม เมืองยวมอยู่ปลายแม่น้ำยวม
เคยเป็นเมืองหน้าด่านเพื่อปกป้องอาณาจักรลานนาไทย
มีอยู่หลายครั้งพม่าเคยยกกองทัพผ่านเมืองยวมไปตีเมืองเชียงใหม่
และกองทัพลานนาไทยส่วนหน้าก็ได้เคยมาสะสมกำลัง และเสบียงอาหารไว้ ณ
ดินแดนแห่งแคว้นนี้ ก่อนที่จะยกกองทัพลานนาบุกตลุยข้ามแม่น้ำสาละวิน
ไปฟากตะวันตกโดยได้มาพักที่ริมแม่น้ำสะเรียง และได้มาที่ วัดกิตติวงศ์ ซึ่งในอดีตเรียกว่า “ วัดชัยสงคราม ” เพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ อาทิ อาบขาง สักยา ในทางคงกระพันชาตรี
แคล้วคลาดตามวิชาการสู้รบในครั้งกระโน้น ปรากฏว่าได้ผล
และได้รับชัยชนะในการรบมาทุกครั้ง
บรรดาบรรพบุรุษเราคือ
ทหารหรือคนหาญ ก็ได้ไปเดินขวักไขว่ อยู่ในกรุงหงสาวดี
และเด็ดดอกฟ้าเอาข้ามแม่น้ำสาละวินมาเชยชม
แต่ก็มีอยู่หลายครั้งเหมือนกันที่บรรพบุรุษของเราได้วิ่งหนีจนป่าราบมาแล้ว
ในสมัย หยิ่นหน่อง มหาราชเจ้ากรุงหงสาวดี ที่คนไทยเราเรียกว่า “ บุเรงนองมหาราช ” แต่ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเรื่องอนิจจังในอดีต ปัจจุบันไทยกับพม่าเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนม มีสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน
ครูบาผาผ่าคือใคร
จากเมือง
ยวมสู่ลุ่มน้ำสาละวิน เขตแดนพม่า ในบรรดาพระอาจารย์ผู้เรืองเวทย์
เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีศีลาจารวัตรยึดมั่น ในสัมมาปฏิบัติ
ถือมังสาวิรัติเคร่งครัดในพระกัมมัฏฐาน มีสมาธิแก่กล้า
มีเจโตปริญาณสามารถหยั่งรู้จิตใจของคนอื่น และเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
ในถิ่นแคว้นลานนาไทย หรือภาคเหนือก่อนโน่น เห็นมีครูบาผาผ่า
หรือพระครูปัญญาวรวัตร สำนักวัดผาผ่า อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ที่ครูบาเจ้าศรีวิไชย ได้ยกย่องประกาศเกียรติคุณ
ทั้งนี้จากการกล่าวขานของชาวพุทธ ทั้งชาวเรา ชาวเขา
ในสมัยที่ครู
บาเจ้าศรีวิไชยยังมีชีวิตอยู่ ชาวเรา – ชาวเขา
แม่สะเรียงจำนวนมากได้หลั่งไหลกันไปทำบุญขอศีลขอพรกับท่านครูบาเจ้าศรีวิไชย
ที่เชียงใหม่ และช่วยทำงาน เช่น สร้างทางขึ้นดอยสุเทพเป็นต้น
และการคมนาคมในสมัยนั้นแสนทุระกันดาร
ไม่มีถนนให้รถราวิ่งสะดวกอย่างปัจจุบันนี้ จากอำเภอแม่สะเรียงไปเชียงใหม่
ต้องเดินเท้า ใช้เวลาเดิน ๕ - ๗ วัน เดินขึ้นเขาลงห้วย
ได้รับความลำบากยากเข็ญเป็นที่สุด
ครูบาเจ้าศรี
วิไชยได้เห็นความลำบากของพี่น้องชาวพุทธ อำเภอแม่สะเรียง
ที่ต้องเดินทางไกลมาด้วยความลำบากเช่นนั้น จึงได้บอกว่า
ต่อไปไม่จำเป็นจะต้องมาทำบุญขอศีลขอพรกับอาตมาถึงที่นี่ก็ได้
มีอะไรก็ให้ไปหา “ ตุ๊น้อง ” ที่ วัดดอยล้อม ที่เมืองยวม โน้นก็ได้ เพราะท่านก็มีบุญบารมีแก่กล้าทุกอย่างเหมือนกัน
เพียงแม่ตุ๊น้องไม่ชอบแสดงตนเท่านั้น คำว่า “ ตุ๊น้อง ”
หมายถึงท่านครูบาผาผ่าฯนั่นเอง นับแต่นั้นมา บรรดาชาวพุทธ ทั้งชาวเรา –
ชาวเขา อำเภอแม่สะเรียง
ต่างพากันไปทำบุญให้ทานขอศีลขอพรกับท่านครูบาผาผ่ามากขึ้น
สมัยเมื่อ ๒๐
ปีก่อนโน้น การคมนาคมจากอำเภอแม่สะเรียงไปยังหมู่บ้านผาผ่า แสนทุระกันการ
ไม่มีทางรถยนต์ไปถึงเหมือนปัจจุบันนี้
เราจะต้องเดินทางไปอีกด้วยเท้าเปล่าประมาณ ๑๕ กิโลเมตรเศษ
แต่ประชาชนทั้งใกล้และไกล ทั้งชาวเรา – ชาวเขา
ต่างก็มีอุตสาหะเดินทางไปทำบุญ ขอศีลพรจากท่านครูบาฯโดยมิได้ขาด
มีบางคนบางพวกก็ไปขอยารักษาโรค ขอน้ำมนต์
ขอวัตถุอันเป็นมงคลเพื่อความสุขความสวัสดีแก่ตนและครอบครัว
ชาติกำเนิด ครูบาผาผ่าฯ นามเดิมชื่อ สวน นามสกุล คำภีระ เกิดที่หมู่บ้านผาผ่า ตำบลแม่คะตวน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๓๒ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีฉลู
บิดาชื่อนายปั่น มารดาชื่อนางธิ มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม ๔ คน
อันธรรมดาผู้
มีบุญญาธิการมักจะมีอุบัติเกิดผิดแผกกว่าคนอื่น ๆ
เราจะไม่ขอเปรียบเทียบเช่น พระพุทธเจ้า ซึ่งประสูติที่สารวโนยานไม้รังคู่
โดยพระมารดาประทับยืนประสูติ จึงขอเปรียบเทียบกับนักบุญแห่งล้านนาไทย
คือท่านครูบาเจ้าศรีวิไชย ขณะคลอดมีเสียงฟ้าร้องอึกคนึงไปทั่วทิศ ทั้งๆ
ที่ไม่มีเค้าฝน ท่านจึงได้นามเมื่อเป็นเด็กว่า “ อ้ายฟ้าฮ้อง ”
ท่านครูบาผาผ่าก็เช่นเดียวกัน
ท่านเกิดในขณะที่มารดาอุ้มท้องแก่ไปเก็บผักในสวนตอนเช้าเพื่อนำมาปรุงอาหาร
ท่านก็คลอดจากครรภ์มาโดยง่ายดายไม่มีอาการทุรนทุราย จึงได้ชื่อว่า “ เด็กชายสวน ”
เด็กชายสวน เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อเกเร มีเมตตาธรรมแต่เยาวัย ไม่ทานเนื้อสัตว์ตัดชีวิต อายุ 17 ปี จึงได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรโดยมี ครูบาเต๋ เป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อบรรพชาแล้วได้ศึกษาคำภีร์มูลกัจจายน์พระสูตรและพุทธมนต์คาถา
และพระกัมมัฏฐาน จนมีความรู้ความสามารถและมีจิตเป็นสมาธิแก่กล้าแต่เยาวัย
สามเณรสวน ได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดผาผ่า ครูบาตุ้ย วัดห้วยสิงห์เป็นพระอุปัชณาย์ พระอธิการอินต๊ะวัดบ้านใหม่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า “ ปัญญาวโร ” แปลว่าผู้มีปัญญาอันประเสริฐ เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดผาผ่า สืบแทนท่านครูบาเต๋จ๊ะมาจนสิ้นอายุขัย
เมื่อท่านครูบาฯได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้ว ปรากฎว่ามีธนบัตรใบละหนึ่งบาทเก่า ๆ อยู่เพียง ๑๐๐ บาทเศษ
ท่านครูบาฯ
ได้รักษาศีล วินัย อย่างเคร่งครัดมิได้ด่างพร้อย
มีอยู่บ่อยครั้งท่านครูบาฯได้หลบความวุ่นวายในวัดที่มีคนไปกวนใจ
หนีขึ้นเขาเข้าป่าจำศีลภาวนาปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน ไม่ฉันอาหารเป็นเวลา ๓ - ๗
วัน จนเป็นที่ร่ำรือกันว่า ท่านครูบาฯได้สำเร็จญานสมาบัติมีเมตตาเปี่ยมล้น
ท่านจึงเปรียบเสมือนสังฆราชสุข วัดพลับ หรือหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน
แห่งโพทะเล
ด้านการ
ปกครองสงฆ์ ท่านครูบาฯก็ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบล
และเป็นพระอุปัชฌาย์ในเขตตำบลแม่คะตวนมาเป็นเวลาอันยาวนานและได้รับพระราช
ทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่ “ พระครูปัญญาวรวัตร ” เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๑ และท่านได้ถึงแก่มรณะภาพเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๐๔ รวมอายุได้ ๗๒ ปี
แม้ว่าท่าน
ครูบาฯจะได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้วก็ตาม
แต่คุณความดีและบารมีอภินิหารยังปรากฏเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งจนเป็นที่เลื่อง
ลือไปทั่วสารทิศ มีสาธุชนเป็นจำนวนมาก เมื่อทราบประวัติเกียรติคุณแล้ว
ต่างก็แสวงหาวัตถุอันเป็นมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับท่านครูบาฯ
ในขณะที่ท่านครูบาฯยังมีชีวิต
อยู่ ไม่เคยมีการสร้างพระผง หรือเหรียญของท่านเลย
นอกจากผ้ายันต์ที่มีคนขอท่านก็ทำให้เป็นรายบุคคลไป
หลังจากท่านถึงแก่มรณภาพแล้วจึงมีคณะศิษย์ได้จัดสร้างรูปเหมือน พระผง
และเหรียญของท่านออกเผยแพร่
เพื่อเป็นอนุสรณ์น้อมรำลึกถึงคุณความดีและประกาศเกียรติคุณของท่านดังนี้
ครั้งที่ ๑ พ.ศ.๒๕๐๗ คณะศิษย์และกรรมการวัดผาผ่าได้รวบรวมเอาอัฐิขี้เถ้าของท่านมาผสมกับว่าน
เกษรดอกไม้นาๆ ชนิด ผง คำภีร์ใบลานสร้างเป็นพระผงรุ่นแรกมีจำนวน ๙๐๐๐ องค์
ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๑๓ วัดกิตติวงค์สร้างพระผงครูบารุ่นสอง เพื่อแจกจ่ายในงานเทศกาลต่างๆ จำนวน 2513 องค์
ครั้งที่ ๓ พ.ศ.๒๕๑๗ สร้างรูปเหมือนปั้นด้วยปูน และเหรียญโดยมีนายทุนจัดทำในนามของวัดกิตติวงศ์ นับเป็นเหรียญรุ่นแรกมีจำนวนดังนี้
๑. รูปเหมือนครูบาทำด้วยปูน ขนาด 5 นิ้ว จำนวน ๔๕๐ องค์
๒. เหรียญพิมพ์กลม เนื้อเงินบริสุทธิ์ จำนวน ๘๘๕ เหรียญ
๓. เหรียญพิมพ์กลม เนื้อทองคำบริสุทธิ์ จำนวน ๑๙ เหรียญ
๔. เหรียญพิมพ์รูปไข่ ด้านหลังแผงยันต์ เนื้อทองแดง จำนวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ
๕. เหรียญรูปไข่ด้านหลังแผงยันต์ เนื้อนวโลหะ จำนวน ๘๘๕ เหรียญ
๖. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อทองแดง จำนวน ๕,๐๐๐ เหรียญ
๗. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อทองคำ จำนวน ๒ เหรียญ
๘. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อชินลองพิมพ์ จำนวน ๕๔ เหรียญ
๙. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อเงิน จำนวน ๒๒๗ เหรียญ
๑๐. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อนวโลหะ จำนวน ๙ เหรียญ
๑๑. เหรียญรูปไข่ด้านหลังแผงยันต์ เนื้อทองแดง เพื่อแจกในงานเทศกาลทอดกฐินผ้าป่า จำนวน ๒๕๑๗ เหรียญ |
|
|
|
|
|
|
|
|
ประวัติของ
พระครูบาผาผ่า ( พระครูปัญญาวรวัตร )
· ตนบุญแห่งอำเภอแม่สะเรียง ผู้มีสมาธิจิตแก่กล้าแต่เยาว์วัย · สามารถหยั่งรู้จิตใจของคนอื่นและเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ · ผู้ถือมังสะวิรัติเคร่งครัดในพระกัมมัฎฐาน เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม · เป็นพระภิกษุรูปเดียวที่ครูบาเจ้าศรีวิไชย ยกย่องประกาศเกียรติคุณว่า
มีบุญญาธิการบารมีแก่กล้า แต่ไม่ชอบแสดงตนและยอมรับว่าเป็น “ ตุ๊น้อง ” · วัตถุมงคลของท่านครูบา เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์
ให้ผลทางเมตตามหานิยม แคล้วความจากอุบัติเหตุเภทภัยอันตรายต่างๆ นานา “ แม่สะเรียง ” ในอดีตมีชื่อเรียกว่า “เมืองยวม ” คู่กับอำเภอขุนยวม เพราะคำว่า “ยวม ” ก็คือ แม่น้ำยวม
เมืองยวมอยู่ปลายแม่น้ำยวม เคยเป็นเมืองหน้าด่านเพื่อปกป้องอาณาจักรลานนาไทย มีอยู่หลายครั้งพม่าเคยยกกองทัพผ่านเมืองยวมไปตีเมืองเชียงใหม่
และกองทัพลานนาไทยส่วนหน้าก็ได้เคยมาสะสมกำลัง และเสบียงอาหารไว้ ณ ดินแดนแห่งแคว้นนี้
ก่อนที่จะยกกองทัพลานนาบุกตลุยข้ามแม่น้ำสาละวิน ไปฟากตะวันตกโดยได้มาพักที่ริมแม่น้ำสะเรียง
และได้มาที่ วัดกิตติวงศ์ ซึ่งในอดีตเรียกว่า “ วัดชัยสงคราม” เพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ อาทิ อาบขาง สักยา
ในทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดตามวิชาการสู้รบในครั้งกระโน้น ปรากฏว่าได้ผล และได้รับชัยชนะในการรบมาทุกครั้ง บรรดาบรรพบุรุษเราคือ ทหารหรือคนหาญ
ก็ได้ไปเดินขวักไขว่ อยู่ในกรุงหงสาวดี และเด็ดดอกฟ้าเอาข้ามแม่น้ำสาละวินมาเชยชม แต่ก็มีอยู่หลายครั้งเหมือนกันที่บรรพบุรุษของเราได้วิ่งหนีจนป่าราบมาแล้ว
ในสมัย หยิ่นหน่อง มหาราชเจ้ากรุงหงสาวดี ที่คนไทยเราเรียกว่า “ บุเรงนองมหาราช ” แต่ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเรื่องอนิจจังในอดีต
ปัจจุบันไทยกับพม่าเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนม มีสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน
ครูบาผาผ่าคือใคร
จากเมือง ยวมสู่ลุ่มน้ำสาละวิน
เขตแดนพม่า ในบรรดาพระอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี
มีศีลาจารวัตรยึดมั่น ในสัมมาปฏิบัติ ถือมังสาวิรัติเคร่งครัดในพระกัมมัฏฐาน
มีสมาธิแก่กล้า มีเจโตปริญาณสามารถหยั่งรู้จิตใจของคนอื่น
และเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ในถิ่นแคว้นลานนาไทย
หรือภาคเหนือก่อนโน่น เห็นมีครูบาผาผ่า หรือพระครูปัญญาวรวัตร
สำนักวัดผาผ่า อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ครูบาเจ้าศรีวิไชย
ได้ยกย่องประกาศเกียรติคุณ ทั้งนี้จากการกล่าวขานของชาวพุทธ
ทั้งชาวเรา ชาวเขา ในสมัยที่ครู บาเจ้าศรีวิไชยยังมีชีวิตอยู่ ชาวเรา – ชาวเขา แม่สะเรียงจำนวนมากได้หลั่งไหลกันไปทำบุญขอศีลขอพรกับท่านครูบาเจ้าศรีวิไชย ที่เชียงใหม่ และช่วยทำงาน เช่น สร้างทางขึ้นดอยสุเทพเป็นต้น และการคมนาคมในสมัยนั้นแสนทุระกันดาร ไม่มีถนนให้รถราวิ่งสะดวกอย่างปัจจุบันนี้
จากอำเภอแม่สะเรียงไปเชียงใหม่ ต้องเดินเท้า ใช้เวลาเดิน ๕ - ๗
วัน เดินขึ้นเขาลงห้วย ได้รับความลำบากยากเข็ญเป็นที่สุด ครูบาเจ้าศรี วิไชยได้เห็นความลำบากของพี่น้องชาวพุทธ อำเภอแม่สะเรียง ที่ต้องเดินทางไกลมาด้วยความลำบากเช่นนั้น จึงได้บอกว่า ต่อไปไม่จำเป็นจะต้องมาทำบุญขอศีลขอพรกับอาตมาถึงที่นี่ก็ได้ มีอะไรก็ให้ไปหา “ ตุ๊น้อง ” ที่ วัดดอยล้อม ที่เมืองยวม โน้นก็ได้ เพราะท่านก็มีบุญบารมีแก่กล้าทุกอย่างเหมือนกัน เพียงแม่ตุ๊น้องไม่ชอบแสดงตนเท่านั้น คำว่า “ ตุ๊น้อง” หมายถึงท่านครูบาผาผ่าฯนั่นเอง นับแต่นั้นมา บรรดาชาวพุทธ ทั้งชาวเรา – ชาวเขา
อำเภอแม่สะเรียง ต่างพากันไปทำบุญให้ทานขอศีลขอพรกับท่านครูบาผาผ่ามากขึ้น สมัยเมื่อ ๒๐ ปีก่อนโน้น การคมนาคมจากอำเภอแม่สะเรียงไปยังหมู่บ้านผาผ่า
แสนทุระกันการ ไม่มีทางรถยนต์ไปถึงเหมือนปัจจุบันนี้ เราจะต้องเดินทางไปอีกด้วยเท้าเปล่าประมาณ ๑๕ กิโลเมตรเศษ แต่ประชาชนทั้งใกล้และไกล ทั้งชาวเรา – ชาวเขา ต่างก็มีอุตสาหะเดินทางไปทำบุญ
ขอศีลพรจากท่านครูบาฯโดยมิได้ขาด มีบางคนบางพวกก็ไปขอยารักษาโรค
ขอน้ำมนต์ ขอวัตถุอันเป็นมงคลเพื่อความสุขความสวัสดีแก่ตนและครอบครัว ชาติกำเนิด ครูบาผาผ่าฯ นามเดิมชื่อ สวน นามสกุล คำภีระ เกิดที่หมู่บ้านผาผ่า
ตำบลแม่คะตวน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตรงกับวันพฤหัสบดีที่
๒๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๓๒ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีฉลู บิดาชื่อนายปั่น
มารดาชื่อนางธิ มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม ๔ คน อันธรรมดาผู้ มีบุญญาธิการมักจะมีอุบัติเกิดผิดแผกกว่าคนอื่น ๆ เราจะไม่ขอเปรียบเทียบเช่น
พระพุทธเจ้า ซึ่งประสูติที่สารวโนยานไม้รังคู่ โดยพระมารดาประทับยืนประสูติ
จึงขอเปรียบเทียบกับนักบุญแห่งล้านนาไทย คือท่านครูบาเจ้าศรีวิไชย
ขณะคลอดมีเสียงฟ้าร้องอึกคนึงไปทั่วทิศ ทั้งๆ ที่ไม่มีเค้าฝน
ท่านจึงได้นามเมื่อเป็นเด็กว่า “ อ้ายฟ้าฮ้อง ” ท่านครูบาผาผ่าก็เช่นเดียวกัน ท่านเกิดในขณะที่มารดาอุ้มท้องแก่ไปเก็บผักในสวนตอนเช้าเพื่อนำมาปรุงอาหาร ท่านก็คลอดจากครรภ์มาโดยง่ายดายไม่มีอาการทุรนทุราย จึงได้ชื่อว่า “ เด็กชายสวน ” เด็กชายสวน เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อเกเร มีเมตตาธรรมแต่เยาวัย
ไม่ทานเนื้อสัตว์ตัดชีวิต อายุ 17 ปี
จึงได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรโดยมี ครูบาเต๋ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบรรพชาแล้วได้ศึกษาคำภีร์มูลกัจจายน์พระสูตรและพุทธมนต์คาถา และพระกัมมัฏฐาน จนมีความรู้ความสามารถและมีจิตเป็นสมาธิแก่กล้าแต่เยาวัย สามเณรสวน ได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดผาผ่า ครูบาตุ้ย วัดห้วยสิงห์เป็นพระอุปัชณาย์ พระอธิการอินต๊ะวัดบ้านใหม่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า “ ปัญญาวโร ” แปลว่าผู้มีปัญญาอันประเสริฐ
เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดผาผ่า สืบแทนท่านครูบาเต๋จ๊ะมาจนสิ้นอายุขัย เมื่อท่านครูบาฯได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้ว
ปรากฎว่ามีธนบัตรใบละหนึ่งบาทเก่า ๆ อยู่เพียง ๑๐๐ บาทเศษ ท่านครูบาฯ ได้รักษาศีล
วินัย อย่างเคร่งครัดมิได้ด่างพร้อย มีอยู่บ่อยครั้งท่านครูบาฯได้หลบความวุ่นวายในวัดที่มีคนไปกวนใจ หนีขึ้นเขาเข้าป่าจำศีลภาวนาปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน ไม่ฉันอาหารเป็นเวลา ๓
- ๗ วัน จนเป็นที่ร่ำรือกันว่า
ท่านครูบาฯได้สำเร็จญานสมาบัติมีเมตตาเปี่ยมล้น ท่านจึงเปรียบเสมือนสังฆราชสุข
วัดพลับ หรือหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน แห่งโพทะเล ด้านการ ปกครองสงฆ์
ท่านครูบาฯก็ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบล และเป็นพระอุปัชฌาย์ในเขตตำบลแม่คะตวนมาเป็นเวลาอันยาวนานและได้รับพระราช ทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่ “ พระครูปัญญาวรวัตร ” เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๑ และท่านได้ถึงแก่มรณะภาพเมื่อวันที่
๖ กรกฎาคม ๒๕๐๔ รวมอายุได้ ๗๒ ปี แม้ว่าท่าน ครูบาฯจะได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้วก็ตาม แต่คุณความดีและบารมีอภินิหารยังปรากฏเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งจนเป็นที่เลื่อง ลือไปทั่วสารทิศ มีสาธุชนเป็นจำนวนมาก เมื่อทราบประวัติเกียรติคุณแล้ว ต่างก็แสวงหาวัตถุอันเป็นมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับท่านครูบาฯ ในขณะที่ท่านครูบาฯยังมีชีวิต อยู่ ไม่เคยมีการสร้างพระผง หรือเหรียญของท่านเลย นอกจากผ้ายันต์ที่มีคนขอท่านก็ทำให้เป็นรายบุคคลไป หลังจากท่านถึงแก่มรณภาพแล้วจึงมีคณะศิษย์ได้จัดสร้างรูปเหมือน พระผง และเหรียญของท่านออกเผยแพร่ เพื่อเป็นอนุสรณ์น้อมรำลึกถึงคุณความดีและประกาศเกียรติคุณของท่านดังนี้ ครั้งที่
๑ พ.ศ.๒๕๐๗ คณะศิษย์และกรรมการวัดผาผ่าได้รวบรวมเอาอัฐิขี้เถ้าของท่านมาผสมกับว่าน เกษรดอกไม้นาๆ ชนิด ผง คำภีร์ใบลานสร้างเป็นพระผงรุ่นแรกมีจำนวน ๙๐๐๐ องค์ ครั้งที่
๒ พ.ศ.๒๕๑๓ วัดกิตติวงค์สร้างพระผงครูบารุ่นสอง
เพื่อแจกจ่ายในงานเทศกาลต่างๆ จำนวน 2513 องค์ ครั้งที่
๓ พ.ศ.๒๕๑๗ สร้างรูปเหมือนปั้นด้วยปูน
และเหรียญโดยมีนายทุนจัดทำในนามของวัดกิตติวงศ์ นับเป็นเหรียญรุ่นแรกมีจำนวนดังนี้ ๑. รูปเหมือนครูบาทำด้วยปูน
ขนาด 5 นิ้ว จำนวน ๔๕๐ องค์ ๒. เหรียญพิมพ์กลม
เนื้อเงินบริสุทธิ์ จำนวน ๘๘๕ เหรียญ ๓. เหรียญพิมพ์กลม
เนื้อทองคำบริสุทธิ์ จำนวน ๑๙ เหรียญ ๔. เหรียญพิมพ์รูปไข่
ด้านหลังแผงยันต์ เนื้อทองแดง จำนวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ๕. เหรียญรูปไข่ด้านหลังแผงยันต์
เนื้อนวโลหะ จำนวน ๘๘๕ เหรียญ ๖. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ
เนื้อทองแดง จำนวน ๕,๐๐๐ เหรียญ ๗. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ
เนื้อทองคำ จำนวน ๒ เหรียญ ๘. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ
เนื้อชินลองพิมพ์ จำนวน ๕๔ เหรียญ ๙. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ
เนื้อเงิน จำนวน ๒๒๗ เหรียญ ๑๐. เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ
เนื้อนวโลหะ จำนวน ๙ เหรียญ ๑๑. เหรียญรูปไข่ด้านหลังแผงยันต์
เนื้อทองแดง เพื่อแจกในงานเทศกาลทอดกฐินผ้าป่า จำนวน ๒๕๑๗ เหรียญ |
|
|
โดย : สยามอาร์ต [Feedback +6 -0] [+0 -0] |
|
[ 1 ] Sat 31, Jul 2010 16:21:51
|
|
|
|
เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อทองคำ จำนวน ๒ เหรียญ
@@พี่อู๊ด จายเยงๆ มีของเด็ด อีก
อิอิ
|
|
|
โดย : สยามอาร์ต [Feedback +6 -0] [+0 -0] |
|
[ 3 ] Sat 31, Jul 2010 16:25:26
|
|
|
|
เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อนวโลหะ จำนวน ๙ เหรียญ สังเกต โค๊ต จะตอก ใต้มือซ้าย ครับผม
|
|
|
โดย : สยามอาร์ต [Feedback +6 -0] [+0 -0] |
|
[ 4 ] Sat 31, Jul 2010 16:27:02
|
|
|
|
เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อชินลองพิมพ์
จำนวน ๕๔ เหรียญ
|
|
|
โดย : สยามอาร์ต [Feedback +6 -0] [+0 -0] |
|
[ 5 ] Sat 31, Jul 2010 16:32:09
|
|
|
|
เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อชินตะกั่วน้ำนม สังเกตุ บริเวณตอกโค๊ต จะต่างกับ แบบ แรกนะครับ
จำนวน ๕ เหรียญ |
|
|
โดย : สยามอาร์ต [Feedback +6 -0] [+0 -0] |
|
[ 6 ] Sat 31, Jul 2010 16:33:31
|
|
|
|
เหรียญรูปไข่ด้านหลังรูปพระธาตุ เนื้อเงิน จำนวน ๒๒๗ เหรียญ |
|
|
โดย : สยามอาร์ต [Feedback +6 -0] [+0 -0] |
|
[ 7 ] Sat 31, Jul 2010 16:34:46
|
|
|
|
พอจะโดนใจ สายเหนือบ้างรึเปล่าน๊า
|
|
|
โดย : สยามอาร์ต [Feedback +6 -0] [+0 -0] |
|
[ 8 ] Sat 31, Jul 2010 16:38:58
|
|
|
|
แบบนี้โดนใจ ซะให้เข็ดครับ |
|
|
โดย : maiglinthoob [Feedback +15 -0] [+0 -0] |
|
[ 9 ] Sat 31, Jul 2010 16:42:58
|
|
|
|
แก้ไขนิดนึงครับ เนื้อตะกั่วที่ตอกโค๊ต ใต้ศอกขวา คือ ตะกั่วน้ำนมครับ
ที่ ตอก ด้าน หน้า ซ้าย คือ เนื้อ ชิน ธรรมดา ครับผม |
|
|
โดย : สยามอาร์ต [Feedback +6 -0] [+0 -0] |
|
[ 10 ] Sat 31, Jul 2010 16:47:45
|
|
|
|
สุด สุด ของ ยอด....ครับ... |
|
|
โดย : พระธนบดี [Feedback +67 -0] [+0 -0] |
|
[ 11 ] Sat 31, Jul 2010 16:58:41
|
|
|
|
สุด สุด สุด สุด สุด ยอด ยอด ยอด ยอด . . . . . |
|
|
โดย : Dear shop [Feedback +1 -0] [+0 -0] |
|
[ 12 ] Sat 31, Jul 2010 18:00:16
|
|
|
|
|
|
|
|