สำหรับระบบการจัดการเงินผ่อนก็เหมือนกับการซื้อสินค้าแบบเงินผ่อนทั่วๆ ไป นั่นแหละครับ ที่มีการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ผมว่าความคิดนี้น่าจะเหมาะกับ ร้านพระที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง คือเช่าพื้นที่เค้าอยู่ บางเดือนอาจจะขายพระได้ บางเดือนอาจขายไม่ได้เลย แต่ต้องเสียค่าเช่าอยู่ดี ถ้าทำระบบเงินผ่อน ก็จะมีเงินหมุนเวียนทุกเดือน ดีกว่าที่จะรอขายได้เงินมาเป็นก้อน และผมคิดว่าตลาดพระเครื่องบ้านเราน่าจะครึกครื้นขึ้นกว่าเดิมนะครับ

ผมว่าสามารถทำได้ครับ แต่ร้านค้าต้องมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน และที่สำคัญต้องไม่รีบร้อนขายด้วย สามารถถือเอาไว้ได้ ราคาที่ให้ผ่อนก็เป็นราคาที่บวกดอกเบี้ยไปแล้ว เช่น ราคาพระ 100 บาท สมมุติว่าคิดเดือนละ 5 เปอร์เซ็นต์ ต้องการผ่อน 2 งวด คิดง่ายๆ ก็คือผ่อน 55 บาท จะมากจะน้อยขึ้นอยู่ตามระยะเวลาผ่อน แต่ดอกเบี้ยจะสูงกว่าของทั่วไปอย่างบ้าน ทองคำ และรถยนต์ เพราะเป็นของที่มีราคาไม่แน่นอน

แต่ผมกลัวอย่างเดียวว่าเวลาผ่อนไปประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว ร้านค้าเกิดร้อนเงิน แอบขายไป หรือหนีไป แบบนี้ต้องระวังมากๆ ผมกลัวมันจะมีปัญหาแบบใหม่เพิ่มขึ้นในวงการอีกหล่ะสิครับ

ซื้อขายในระบบ นี้ผมก็ว่าเยี่ยมนะครับ

แต่เราต้องมีหลากฐานที่แน่นอน คือทำสัญญาที่ชัดเจนครับ

แต่ร้านไหนละที่จะทำแบบนี้ {ระบบนี้เพิ่งจะเคยเจอ แต่ก็เคยคิดอยู่เหมือนกัน}อิอิอิ

ขอขอบพระคุณ คุณ bebell และคุณ kanung มากครับที่ได้แสดงความคิดเห็น ผมขอเชิญชวนพี่ๆ สมาชิกมาร่วมแสดงความคิดเห็น งานนี้วิพากษ์ วิจารณ์ ได้เต็มที่ ขอบคุณครับ

ผมมีความเห็นเพิ่มเติมเรื่องการซื้อเงินผ่อนมีดังนี้ครับ ควรมิควรแล้วแต่จะพิจารณาครับ

1. กรณีที่หนึ่ง พระอยู่กับร้าน ผู้ผ่อนต้องผ่อนเงินให้หมดก่อน ร้านค้าจึงจัดส่งให้ กรณีนี้ไม่ควรกำหนดงวดนานเกินไป อาจกำหนดไม่เกิน5 งวด ซึ่งขึ้นอยู่กับกำลังของผู้ซื้อและต้องการพระเร็วขนาดไหน ต้องตกลงกันให้เข้าใจก่อน และสัญญาหลักฐานการโอนเงินต้องเก็บให้ดี พร้อมความซื่อสัตย์ของผู้ค้าและผู้ขาย วิธีนี้น่าสนใจและสมควรทำเป็นอย่างยิ่ง ผู้ขายปลอดภัย ผู้ซื้ออดทนหน่อยเดียวได้ของดีและสวย เหมาะสำหรับผู้รักการสะสมเป็นอย่างยิ่งครับ

2. กรณีที่สอง ผู้ผ่อนวางมัดจำโดยกำหนดเป็นกี่เปอร์เซนต์ของพระ จากนั้นส่งของให้ผู้ผ่อน แล้วผู้ผ่อนก็จัดการผ่อนตามงวดที่ตกลงกันจนครบ แต่วิธีนี้ผมว่าเสี่ยงต่อการถูกโกงจากผู้ซื้อครับ ดีไม่ดีพระที่ได้ไปเขานำไปขายต่อเดี๋ยวปัญหาเกิดอีรุงตุงนัง ผ่อนยังไม่หมด พระก็อาจถูกเปลี่ยนมือไปถึงไหนไม่รู้แล้ว วิธีนี้มีข้องเสียครับไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

ถ้ามีจัดการที่เป็นมาตรฐานที่ดีแล้ว สมควรเป็นทางเลือกใหม่ของวงการซื้อ-ขายพระ ปัจจุบันระบบเงินสดเริ่มเลือนหายไปจากวงการธุรกิจแล้วขอรับพี่ชาย

  ผมขอออกความเห็นด้วยคนครับ

   1. ตกลงให้เช่าไปแล้ว 40000 บาทอีกรายให้ราคามากกว่าครั้งแรกตั้ง 500 เท่า(อาจเป็นไปได้) รายแรกก็ส่งยังไม่หมด จะขายให้รายใหม่ก็ไม่ได้ เกิดทุกข์มากนะครับ 

   2. อีกอย่างผู้เช่าจ่ายเงินงวดก็คงจะอยากได้ของไปเลย คงจะตัดสินใจซื้อยากขึ้น

   3. พระฝีมือก็ใช่ย่อยจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพ ทั้งชิน ดิน ผง นับไม่ถ้วน เซียนโดนกันจนเข็ด ลองหาข้อมูลการคืนพระมาดูกันบ้างสิ

     รูปแบบเดิมน่าจะสบายใจทั้งสองฝ่าย

คุณพูดงงๆครับคุณ pramual คุณขาย 40000 บาท เป็นราคาที่คุณพอใจแล้วมิใช่หรือถึงขายไป การผ่อนเรามีข้อตกลงกันอยู่แล้วเป็นไปตามสัญญา ผ่อนไม่หมดไม่สมควรได้ของอยู่แล้วรู้กฏอยู่แล่ว ถ้าเขาอยากได้ของไวก็จ่ายสดสิครับ ไม่บังคับว่าจะต้องผ่อนนี่นา การผ่อนเป็นแนวทางปฏิบัติที่มีกลุ่มคนบางกล่มยอมรับและคิดว่าพอใจกับข้อตกลงทั้งสองฝ่าย ใครคิดว่าไม่สมควรก็แค่ทำเหมือนเดิมไม่แปลก แต่ผมแค่ขอเป็นทางเลือกใหม่ๆเข้ามาสำหรับมนุษย์เงินเดือนเท่านั้นเองนะครับ

แล้วพระปลอมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับการซื้อเงินผ่อนยังไง? งง

รู้ว่าปลอมคุณจะซื้ออยู่ไหม ก็คืนไปสิ การรับประกันพระปลอมก็ยังคงอยู่นี่นา 

เ)้นการดีด้วยซ้ำจะได้ศึกษาพระที่ผ่อนมาได้ถ่องแท้ ดีกว่าเสียตังไปเป็นก้อน