อู้ได้ซะป๊ะเรื่อง
ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษา มั่นใจเมื่อใช้ 'พระรอด'
|
|
|
|
|
|
จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเงา หลังพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล “ชัยวุฒิ บรรวัฒน์” รองหัวหน้าพรรคก็ได้เข้ามาทำหน้าที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) โดยดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) เป็นหลัก และดูเหมือนว่าช่วงนี้ดูเหมือนท่าน รมช.ชัยวุฒิ ต้องเจอคำถามและต้องขบคิดแนวทางการแก้ปัญหาเรื่อง “เด็กตีกัน” อยู่เนืองๆ แต่เคล็ดลับความสบายใจและความมั่นใจในการทำงานของ รมช.ผู้นี้ นอกจากจะทำหน้าที่อย่างเต็มสูบแล้ว ก็เห็นจะเป็น “พระรอด” มรดกตกทอดจากคุณพ่อ ที่แขวนติดตัวประจำกว่า 20 ปีมาแล้วนั่นเอง รมช.ชัยวุฒิ บอกว่า เคยชินกับการแขวนพระมาตั้งแต่เด็กซึ่งพระองค์แรกที่อาราธนาขึ้นคอคือ “เจ้าพ่อพะวอ” ตำนานปรำปราเกี่ยวกับท่านคือเป็นนักรบโบราณ เพราะรูปหล่อจะถือง้าว ซึ่งนอกจากเหรียญแล้ว ยังมีเนื้อผง รูปหล่อ อนุสาวรีย์ และศาลของท่านตามที่ต่างๆ ใน 5 อำเภอชายแดนตะวันตกด้วย ดังนั้นจึงถือว่า เจ้าพ่อพะวอ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอ.แม่สอด จ.ตาก และเด็กทุกคนในแถบนั้นจะต้องห้อยเหรียญท่านทุกบ้าน กระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย คุณพ่อจึงมอบสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย และพระรอด พิมพ์ใหญ่ วัดมหาวันให้นับจากนั้นก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนอาราธนาขึ้นคอ จนกระทั่งวันนี้ได้เก็บพระสมเด็จบางขุนพรหม และเหรียญเจ้าพ่อพะวอ ไว้ที่แม่สอด และอาราธนาเพียงพระรอดขึ้นคอเป็นประจำทุกวัน สำหรับที่มาของพระรอดองค์นี้ คือ เพื่อนคุณพ่อที่เป็นข้าราชการใน จ.ตาก นำมาให้เช่าในราคาถูก เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้วพระองค์นี้ราคาเพียงหลักพันต้นๆ แต่ทราบว่าขณะนี้ในวงการพระราคาก็สูงอยู่ ซึ่งคุณพ่อเองก็ไม่ใช่เซียนพระ แต่ด้วยขณะนั้นอยากมีพระไว้แขวน และเก็บไว้ให้ลูกๆ จึงเช่ามา และได้รับจากมือท่านเมื่อก่อนจะเสียชีวิต ด้วยความที่แขวนพระติดตัวเป็นประจำ แต่ก็มีบางวันที่หลงลืมหรือรีบร้อนจนทำให้ลืมห้อยพระได้เหมือนกัน รองหัวหน้าพรรคปชป. เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ประสบด้วยตนเองก่อนสิ้นปี 2552 ที่ไปดูงานในจังหวัดตาก และต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อจะไปตามโรงเรียนต่างๆ ในวันนั้นเองได้ลืมแขวนพระไปด้วย วันนั้นจึงเป็นวันที่ไม่สบายใจและไม่มั่นใจมากที่สุดวันหนึ่ง มือจะกุมที่หน้าอกตลอดเวลา นึกถึงแต่พระ กังวลและไม่สบายใจไปทั้งวันเลยทีเดียว “ผมแขวนพระมานานมาก ผมคิดว่าเป็นเรื่องของความเคยชิน วันไหนที่ไม่ได้ใส่พระรู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไป รู้สึกเสียวๆ ขาดความมั่นใจ เพราะเราแขวนอยู่ของเราประจำ และเหตุผลที่ผมแขวนพระรอดคือชื่อก็บอกชัดว่าเป็นพระรอด และสำคัญความรู้สึกเวลาแขวน เรารู้สึกว่าปลอดภัย สะดวก สบาย ส่วนตัวผมไม่ได้ศึกษาหรือสนใจจะเช่าหาพระดังๆ มาแขวนแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ที่ติดตัวทุกวันนี้เป็นพระที่พ่อให้ จะเช่าเพิ่มบ้างเวลาไปต่างจังหวัดเห็นพระสวยๆ ก็เช่ามาบูชา แต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือ พระพุทธชินราช” แม้จะออกตัวว่าไม่ใช่นักเล่นพระ แต่รมช.ชัยวุฒิ ก็มีความรู้เรื่องพระใช่ย่อยเสียที่ไหน เพราะลูกชายวัย 18 ปีเชี่ยวชาญพระเครื่องจนเรียกได้ว่าเป็นเซียนรุ่นเล็กคนหนึ่งเลยทีเดียว ลงทุนขนาดว่าเครื่องไมโครสโคป เพื่อมาส่งพระโดยเฉพาะ และไปซื้ออุปกรณ์ต่อเข้าคอมพิวเตอร์ มีกล้องส่องพระอันเล็กแยกต่างหาก เหตุคงเพราะเทคโนโลยีเอื้ออำนวย และความสนใจส่วนตัวทำให้พัฒนาการเป็นไปแบบก้าวกระโดด “ พอเราไม่ได้ศึกษาลึกซึ้งเราก็ดูไม่เป็น แต่สังเกตจากลูกชายเขามีความสุข เขาก็ดู เอามาส่องและเอามาเล่าให้เราฟัง เขาชอบมาหลายปี ส่องพระทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งศึกษาและแสวงหา เขาจะไม่เหมือนผม เราไม่ได้ซีเรียสว่าจะเป็นพระแพงหรือเปล่า แต่ลูกชายผมสน เขาเห็นพระเราก็จะรู้ทันทีว่าเป็นพระรอดพิมพ์ใหญ่ วัดมหาวัน เดี๋ยวนี้เด็กเล่นพระสะดวก เพราะสื่ออินเทอร์เน็ตเอื้ออำนวย ศึกษาพิมพ์ กรุ เนื้อ มีคำบรรยาย บอกพุทธคุณ ลูกชายผมตอนนี้ก็หาขุนแผนตามประสาวัยรุ่น มเหศวร แร่บางไผ่ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง เจอปลอมก็มี แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามก็ดีกว่าไปเล่นอย่างอื่นก็ปล่อยให้เขาเล่น และพระรอดองค์นี้ก็จะให้เขาต่อไป” ถ้าเปรียบความสุขของลูกชายคือการส่องพระ กิจกรรมที่ช่วยให้รมช.ชัยวุฒิ ผ่อนคลายได้ชะงัดก็เห็นจะเป็น การสวดมนต์ก่อนนอน ตามความเชื่อและแง่มุมของนักวิทยาศาสตร์ ท่านผู้นี้บอกว่า สิ่งที่ได้อย่างหนึ่งขณะที่เราสวดมนต์ก็คือ ประการแรกคือได้สงบสติอารมณ์ ประการที่สองคือ หลับสบาย ไม่ฟุ้งซ่าน และที่เห็นผลทันทีคือ ช่วงเวลา 20-30 นาทีที่สวดมนต์เป็นการพักสมอง ดังนั้นจึงเลือกที่จะสวดมนต์แทนการนั่งสมาธิ “ผมจะสวดมนต์นานเหมือนกัน ไตรสรณคมเต็มรูปแบบบ้าง คาถาชินบัญชรบ้าง แต่ก็ยังอ่านหนังสือสวดนะ ขณะที่อ่านหนังสือนั่นแหละทำให้เรามีสมาธิ และทำให้เราหลับสบายขึ้น ตื่นขึ้นมาก็สดชื่น พร้อมทำงาน ผมคิดว่า ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีคงไม่ตกทอดมาถึงเรา และอยู่มาได้ถึง 2500 ปี ผมคิดง่ายๆ แบบนี้ ถ้าเรามีเครื่องยึดเหนี่ยวแล้ว อย่างน้อยพระก็สอนให้เราอย่าไปทำในสิ่งที่ไม่ดี” ท้ายที่สุด รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า “ถ้าเรานับถือ ท้ายที่สุดพระดีทุกองค์ แต่ขึ้นอยู่กับคนด้วยว่าเราปฏิบัติตัวอย่างไร ถ้าเราทำความดีปฏิบัติตัวไม่อยู่ในศีลในธรรมพระก็คงช่วย ถ้าเราทำไม่ดีพระก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นคนไม่ดีเอาพระไม่แขวนก็ดีหมด ซึ่งไม่ใช่ ผมคิดว่าตัวเราเองนั้นทำดีให้ดีที่สุด แต่พุทธคุณของท่านก็คงจะช่วยเหลือเราได้บ้าง แต่ถ้าเราเป็นลบจะแก้ให้เป็นบวก ทำสีดำเป็นสีขาวเลยก็คงไม่ใช่ เพราะอย่างไรก็มั่นใจว่าพระพุทธคุณมีจริง และคงไม่ช่วยคนที่ทำตัวไม่ดี” ภาพโดย...วรวิทย์ พานิชนันท์
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน |
24 มกราคม 2553 08:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|